
GCAP GOLD ชี้ทองคำพุ่งต่อ แนะกลยุทธ์ “รอย่อตัวเข้าซื้อ”
GCAP GOLD คาดราคาทองคำสัปดาห์นี้พุ่งต่อและผันผวนสูง เหตุจาก 3 ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ ความไม่แน่นอนนโยบายการค้า ปัญหาภายในเฟด และตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแรง
นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อเนื่องและยังคงมีความผันผวนสูง เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน โดยมี 3 ประเด็นหลักที่นักลงทุนต้องติดตามใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและทิศทางทองคำ
ประการแรก ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ จากคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ที่ชี้ว่ามาตรการเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนใหญ่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังให้บังคับใช้ชั่วคราว พร้อมส่งเรื่องกลับไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาเพิ่มเติม โดยคาดว่าทรัมป์จะอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ทำให้นโยบายการค้ายังคงไม่แน่นอน ความเสี่ยงนี้กดดันตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ แต่เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ประการที่สอง ความปั่นป่วนภายในธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จากกรณีนางลิซา คุก กรรมการเฟด ถูกโดนัลด์ ทรัมป์สั่งปลดและอยู่ระหว่างต่อสู้คดีในศาล ขณะที่ยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทำให้ตำแหน่งของเธอยังไม่ชัดเจน ความไม่แน่นอนดังกล่าวสะท้อนถึงความเสี่ยงด้านเสถียรภาพนโยบายการเงิน และหนุนให้ทองคำได้รับความสนใจมากขึ้น
ประการที่สาม ตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว โดยตลาดคาดว่าการจ้างงานเดือนสิงหาคมจะเพิ่มเพียง 75,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานอาจขยับขึ้นแตะ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี สะท้อนเศรษฐกิจที่อ่อนแรง แม้เฟดยังคงกังวลเงินเฟ้อ แต่ตลาดมองว่ามีความเสี่ยงถดถอย และอาจนำไปสู่การผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะต่อไป ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
โดยจากปัจจัยทั้งหมด GCAP GOLD แนะนำกลยุทธ์ “รอย่อตัวเข้าซื้อ” โดยให้แนวรับที่ 3,445 และ 3,415 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาย่อตัวไม่หลุดระดับ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เทียบเท่าทองคำไทยราว 52,300 บาท) จะเป็นสัญญาณเชิงบวก ขณะที่แนวต้านสำหรับทำกำไรอยู่ที่ 3,500 และ 3,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือราคาทองคำไทยราว 53,500–53,800 บาท ทั้งนี้ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าตามแรงกดดันการเมืองในประเทศ อาจเห็นราคาทองคำไทยขยับใกล้ระดับ 54,000 บาทได้เช่นกัน