GCAPGOLD

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย นักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงมีแนวโน้มผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาด ได้แก่ การที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส (Moody’s Investors Service) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับ “Aaa” ลงมาอยู่ที่ “Aa1” ด้วยเหตุผลจากหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาระดอกเบี้ยที่ขยายตัวตาม อีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดคือ ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่า การเจรจาภาษีกับประเทศคู่ค้าหลักยังล่าช้า พร้อมทั้งระบุว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ สหรัฐได้ส่งหนังสือถึงประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับอัตราภาษีใหม่ที่อาจมีผลบังคับใช้ หากยังต้องการทำการค้ากับสหรัฐ ดังนั้นประเด็นภาษียังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เพื่อหาทางยุติสงครามในยูเครน หลังการพบปะของผู้แทนทั้งสองฝ่ายที่นครอิสตันบูลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจและแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต ทาง GCAP GOLD ประเมินว่า หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือระดับ 3,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 51,500 บาท จะเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มฟื้นตัว โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 3,325-3,360 ดอลลาร์ หรือประมาณ 52,500-52,800 บาทต่อบาททองคำ ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถทยอยแบ่งขายทำกำไร เมื่อราคาขึ้นมาปิด “GAP” ดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่า ราคาทองคำต้องไม่ย่อตัวลงต่ำกว่าระดับ 3,120 ดอลลาร์ หรือประมาณ 49,400 บาท ซึ่งจะถือเป็นสัญญาณลบต่อแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น GCAP GOLD ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยประมาณ 15.85-15.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในการประเมินราคาทองคำในประเทศ ซึ่งสะท้อนต้นทุนจริงของตลาดทองคำภายในประเทศ และแตกต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนกลางของตลาดเงินตรา โดย ณ วันที่ 21 พ.ค.68 อัตราแลกเปลี่ยนกลางอยู่ที่ 32.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ Wise.com เวลา 09:09 น. UTC)