“ทริสเรทติ้ง” อัพเครดิต “ดั๊บเบิ้ล เอ” สู่ระดับ “BBB+” สะท้อนฐานะการเงินแข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้ง ปรับเครดิต “ดั๊บเบิ้ล เอ” ขึ้นสู่ BBB+ จาก BBB พร้อมคงแนวโน้ม Stable สะท้อนฐานะการเงินแข็งแกร่ง หนุนความเชื่อมั่นออกหุ้นกู้ใหม่ 3 พันล้านบาท ย้ำผู้นำธุรกิจผลิตกระดาษสากล


บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ขึ้นสู่ระดับ “BBB+” จากเดิม “BBB” พร้อมกันนี้ได้ปรับเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Positive” หรือ “บวก”

โดยการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในครั้งนี้ มีปัจจัยสำคัญมาจากการที่บริษัทมีตัวชี้วัดด้านเครดิตที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจากการลดภาระหนี้สินลงอย่างต่อเนื่อง โดยหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วลดลงมาอยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2568 จากระดับ 1.2-1.4 หมื่นล้านบาทในช่วงหลายปีก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ในระดับต่ำกว่า 3 เท่า

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของบริษัท ในวงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี ที่ระดับ “BBB+” ด้วย โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้ไปใช้ชำระหนี้และ/หรือใช้ในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ อันดับเครดิต “BBB+” สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในตลาดกระดาษสำนักงานระดับโลกของดั๊บเบิ้ล เอ, ตราสัญลักษณ์ “Double A” ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและความได้เปรียบจากการดำเนินงานแบบครบวงจรตั้งแต่การปลูกต้นยูคาลิปตัส (Eucalyptus) เพื่อเป็นวัตถุดิบไปจนถึงโรงงานผลิตเยื่อและกระดาษของตนเอง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากอุปสงค์กระดาษพิมพ์เขียนที่ชะลอตัวในระยะยาวและลักษณะที่เป็นวงจรของอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ

ส่วนแนวโน้มและผลการดำเนินงานทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่า ดั๊บเบิ้ล เอ จะยังคงมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ แม้ว่ากำไรในปี 2568 อาจลดลงจากแรงกดดันด้านราคาเยื่อกระดาษในตลาดโลก โดยคาดว่า EBITDA จะอยู่ที่ระดับต่ำสุด 3.3 พันล้านบาทในปี 2568 ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3.5-3.8 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2569-2570 ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานรวมคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 2.3-2.4 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2568-2570

ด้านแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง, มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และดำเนินนโยบายทางการเงินด้วยความระมัดระวังต่อไป

สำหรับสภาพคล่อง ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอ โดย ณ เดือนมิถุนายน 2568 บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดรวม 4 พันล้านบาท และมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีก 1.5 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับหนี้ที่จะครบกำหนดใน 12 เดือนข้างหน้า

Back to top button