SET มีโอกาสแกว่งขึ้น หลังการเมืองไทยชัดเจนมากขึ้น

InnovestX มองรายงาน Beige Book ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจใน 12 เขตส่วนใหญ่ ทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย ในด้านราคาทุกเขตรายงานต้นทุนสูงขึ้น


InnovestX มองรายงาน Beige Book ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจใน 12 เขตส่วนใหญ่ ทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย ในด้านราคาทุกเขตรายงานต้นทุนสูงขึ้น โดย 10 เขตอยู่ในระดับปานกลาง อีก 2 เขตเผชิญต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งแรงเป็นพิเศษ ปัจจัยหลักคือ ผลจากภาษีศุลกากร (tariffs) ที่กดดันราคาสินค้าและบริการต้นน้ำ บ่งชี้ความเสี่ยงเงินเฟ้อมากขึ้น ด้านการจ้างงานโดยรวมไม่เปลี่ยนแปลง แต่หลายเขตชี้ว่าบริษัทลังเลที่จะจ้างใหม่ ด้านรายงานตำแหน่งงานว่าง (JOLTS) สหรัฐฯ เดือน ก.ค.แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ กำลังชะลอลง โดยอัตราส่วนตำแหน่งงานว่างต่อผู้ว่างงานลดลงต่ำกว่า 1 เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2021 ทั้งนี้ แม้ ISM ภาคการผลิตจะมีสัญญาณการชะลอตัวแต่ข้อมูลบางส่วนยังคงแสดงสัญญาณเชิงบวก เช่น คำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ได้แย่เท่าที่หลายคนกังวล

InnovestX มองว่า พันธบัตรอายุ 30 ปีของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น เผชิญแรงขายอย่างรุนแรงในหลายประเทศพัฒนาแล้ว โดยพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พันธบัตรอังกฤษพุ่งขึ้นสู่สูงสุดตั้งแต่ปี 1998 และ US ปรับเพิ่มขึ้นใกล้ 5.0% อีกครั้ง InnovestX มองว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนแรงกังวลเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจระยะยาวจาก (1) ความเชื่อมั่นระยะยาวต่อเศรษฐกิจถดถอยลงนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในการฝากเงินไว้กับรัฐบาล 30 ปี ข้างหน้า (2) ผู้ซื้อรายใหญ่เริ่มซื้อลดลง เช่น กองทุนบำนาญในสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ที่กำลังต้องขายพันธบัตรระยะยาวเพื่อจ่ายเงินให้ผู้เกษียณที่มีจำนวนมากขึ้น (3) นโยบายการเงินตึงตัว (QT) ทำให้ธนาคารกลางเลิกซื้อพันธบัตร ส่ง supply เข้าสู่ตลาดมากขึ้น (4) การกลับมาของเงินเฟ้อ และภาษีศุลกากร ซึ่งกำลังดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ InnovestX คาดว่าความเสี่ยงวิกฤตการคลังในระยะต่อไปเพิ่มสูงขึ้น 

สำหรับตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET มีโอกาสแกว่งตัวขึ้น หลังสถานการณ์ทางการเมืองไทยมีความชัดเจนมากขึ้น โดยรอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนฟื้นตัวระยะสั้น โดยคาดจะมีการทยอยไหลเข้าของ Fund Flow และประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,280/1,300 ขณะที่คำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองคดีชั้น 14 (9 ก.ย.) คาดจะสร้างความผันผวนต่อตลาดได้น้อยลงจากเดิม ส่วนปัจจัยต่างประเทศสำคัญติดตาม ได้แก่ ตัวเลข CPI ส.ค. ของสหรัฐฯ โดยตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.9% YoY เร่งตัวขึ้นจาก 2.7% YoY ใน ก.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาดหรือไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ต่อ ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB (11 ก.ย.) คาดยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 3 ธีมเทรดดิ้ง ซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

  1. หุ้น Earning Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC, BCPG, GULF, SCC
  2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT, TTB, HMPRO (XD 10 ..) KKP (XD 10 ..)
  3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเลือกหุ้น SET50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น QTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก โดยมี PBV และ PER 2568F < -1SD อีกทั้งมีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Rating A-AAA) แนะนำ BDMS, CPALL, CRC, MTC, PTT, WHA 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง และ/หรือ ดอลลาร์อ่อนค่า (บาทแข็งค่า) แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF) กลุ่มอสังหาฯ (AP, SIRI) กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BCPG, GULF) และ 3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, GLOBAL) กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL) กลุ่มนิคม (AMATA) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) 

นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล 

 ผู้อำนวยการอาวุโส Equity Strategy Team

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX

Back to top button