PTTGC รีไฟแนนซ์.!

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมปิโตรเคมีประสบภาวะถดถอยหนัก สาเหตุหลักมาจากความต้องการสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำที่ลดลงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว


ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมปิโตรเคมีประสบภาวะถดถอยหนัก สาเหตุหลักมาจากความต้องการสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำที่ลดลงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว บวกกับเกิด Oversupply อุปทานล้นตลาดจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน สหรัฐฯ และตะวันออกกลาง… 

ทำให้บริษัทปิโตรเคมีหลายแห่งไม่มีการลงทุนเพิ่ม เงินเลยเหลือเยอะ ต้องบริหารสภาพคล่อง หนึ่งในนั้นคือ การซื้อคืนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด ซึ่งบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เรือธงในธุรกิจเคมีภันฑ์ของกลุ่มปตท. ทำมาแล้ว

ข้อดีอันดับแรก ช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ย ขณะเดียวกันก็ได้กำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลงด้วย..!!

ประจักษ์ชัดจากงบไตรมาส 2/2567 ที่มีการบุ๊กกำไรพิเศษจากการซื้อคืนหุ้นกู้ จนทำให้กำไรเบ่งบานมาแล้วนะจิบอกให้…

โอเค…ปัจจุบันอุตสาหกรรมปิโตรเคมีสัญญาณเริ่มฟื้นตัวจากซัพพลายที่ลดลง หลังจากผู้ผลิตรายใหญ่ในยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน พร้อมใจกันปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือ การแบกต้นทุนทางการเงิน หรือดอกเบี้ยจ่ายต่อไป ประกอบกับดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มขาลง 

เลยเป็นจังหวะให้ PTTGC ปรับโครงสร้างหนี้…รีไฟแนนซ์หุ้นกู้..!?

ด้วยการออกหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (unsecured and subordinated perpetual debentures) ขายให้กับผู้ลงทุนในต่างประเทศ จำนวนรวม 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 34,800 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่ 31.70 บาท) แบ่งออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ 1) จำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราดอกเบี้ย 6.5% สำหรับ 5 ปี 3 เดือนแรก และ 2) จำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ย 7.125% สำหรับ 10 ปีแรก และภายหลังจากระยะเวลาดังกล่าว จะมีอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามรายละเอียดที่กำหนด

ชัดเจนว่า วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ จะนำเงินไปชำระค่าซื้อคืนและดอกเบี้ยค้างรับของหุ้นกู้ที่มีการทำคำเสนอซื้อคืนก่อนหน้านี้ ได้แก่ 1) หุ้นกู้จำนวน 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ อายุ 30 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี ครบกำหนดปี 2594 ซึ่งได้ออกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 (หุ้นกู้ปี 2594) และ 2) หุ้นกู้จำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ อายุ 30 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.20% ต่อปี ครบกำหนดปี 2595 ซึ่งได้ออกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 (หุ้นกู้ปี 2595)

ดูผิวเผินเหมือนการออกหุ้นกู้ก้อนใหม่ อัตราดอกเบี้ยที่ 6.5% และ 7.125% จะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ก้อนเดิมที่ 4.30% และ 5.20% แต่ในข้อเท็จจริง หลังจากบริษัทมีการทำ Swap เพื่อจ่ายดอกเบี้ยเป็นเงินบาท อัตราดอกเบี้ยแท้จริงจะอยู่ในช่วง 4-5% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าดอกเบี้ยหุ้นกู้ก้อนเดิม

แล้วถ้าดูจากต้นทุนทางการเงินในช่วงครึ่งปีแรกของ PTTGC อยู่ที่ 5,080 ล้านบาท 

นั่นหมายความว่า ต้นทุนดอกเบี้ยจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ…

ขณะที่ บล.กรุงศรี คาดการออกหุ้นกู้ดังกล่าว จะทำให้ต้นทุน equity ต่ำลงเหลือ 4-5% ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า และจะทำให้สภาพคล่องของ PTTGC ดีขึ้น จากมีเงินในการจ่ายคืนหุ้นกู้ไทยในช่วงปี 2569-2570 ส่วน EBITDA ที่สร้างได้ 2-4 หมื่นล้านในช่วงปี 2568-2570 สามารถนำไปต่อยอดการลงทุนในจีนและอินเดียแทนได้

ก็ถือเป็นการปรับโครงสร้างหนี้…รีดไขมันส่วนเกินไว้ก่อน เพื่อรอการฟื้นตัวตามวัฏจักร เมื่อถึงเวลานั้น PTTGC คงวิ่งปร๋อละมั้ง…

และที่ลืมไม่ได้คงกระชับรูปร่างให้สลิมเพื่อรอพันธมิตรใหม่ด้วยแหละ ซึ่งตามไทม์ไลน์ที่ “เฮียคงกระพัน อินทรแจ้ง” ซีอีโอ ปตท. ประกาศไว้จะมีพันธมิตรใหม่เข้ามาช่วงปลายปีนี้

ลองนึกภาพตามดูนะ ถ้า PTTGC กลายเป็นร่างทอง…ดูดีทั้งเปลือกนอกและเนื้อใน เวลาจะแบ่งขายหุ้นให้กับพันธมิตรก็จะได้แวลู ได้ราคาดีด้วยนะเธอออ…

เหมือนยิงปืนนัดเดียว แต่ได้นกตัวที่หนึ่ง ตัวที่สอง ตัวที่สาม และได้นกอีกหลายตัว…

…อิ อิ อิ…

Back to top button