
ความคาดหวัง ของ SET INDEX หลังมีรัฐบาล ‘อนุทิน’
ทันทีที่มีการประกาศชื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี เป็น “อนุทิน ชาญวีรกูล” การตอบรับของ SET INDEX เกิดขึ้นทันที
ทันทีที่มีการประกาศชื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี เป็น “อนุทิน ชาญวีรกูล” การตอบรับของ SET INDEX เกิดขึ้นทันที
ภาพรวมบรรยากาศการลงทุน ของตลาดหุ้นไทย ปรับตัวบวกขึ้นทันทีจากความชัดเจนทางการเมือง (ในระดับหนึ่ง)
เนื่องจาก ในเบื้องต้น นักลงทุนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น นักลงทุน ต่างชาติ, สถาบันในประเทศ และรายย่อย ต่างให้ความสำคัญกับ “ความชัดเจน” มากกว่าที่สุด
ดังนั้น แนวโน้มความคืบหน้าของการได้มาซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น และในทางกลับกัน ช่วยลดทอนความไม่แน่นอนทางการเมืองลง จึงเป็นที่มาของ การตอบรับเชิงบวกทันที
ความคาดหวังเชิงบวก ที่ว่าหลังฝุ่นเริ่มหายตลบ หลังเริ่มเห็นหัวเรือที่เป็น “นายกรัฐมนตรี” แล้ว จะเดินทางไปได้เพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น
หลังจากนั้น การ rally ของตลาดหุ้น สเตปต่อไป คือ ความคาดหวังเชิงนโยบาย (Policy Expectation) ที่จะออกมา ให้นักลงทุนประเมินว่า รัฐบาลอนุทิน จะ “ใส่เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริง” แค่ไหน!?
แน่นอนเลยว่า เราจะเห็น การประกาศนโยบาย “คนละครึ่ง” ตามออกมาในระยะเวลาไม่นาน โดยโครงการนี้ จะต่างจาก ที่เคยใช้ สมัยช่วงโควิด-19 เพราะ คนละครึ่ง ในยุคของอนุทิน จะไม่ใช่คนละครึ่ง อีกต่อไป
นโยบายคนละครึ่ง ในยุคของ นายกฯ อนุทิน ถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ ที่จะต้องแก้ไขปัญหาปากท้อง ของประชาชน อย่างเร่งด่วน โดยอาจจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเลย กับ ข้อจำกัดของ MOA กับพรรคประชาชน
แต่หากเป็นความบังเอิญ ที่มาประจบกันตรงจุดตัดของทางเดิน ที่ต้องเดินไปด้วยกัน ทำให้การคิดนโยบายที่สามารถกระตุ้น เศรษฐกิจได้ดีที่สุด ณ ตอนนี้ คือ การดึงโครงการ คนละครึ่งกลับมา
โดยโครงการ คนละครึ่ง ในยุคของ นายกฯอนุทิน และมี ดร. เอกนิติ เป็น ว่าที่รมต.คลัง ที่เป็นมันสมองในการเพิ่มดีกรีความเข้มข้น จะมีความแตกต่าง และ ถือเป็น ตัวกระตุ้นที่เป็นยาแรงกว่า ที่ใครจะคาดคิดได้
ซึ่งนโยบายที่ว่าคือ รัฐบาลช่วยเหลือ 60 ประชาชน 40 จากเดิม คือ รัฐบาล กับ ประชาชน คนละ 50:50
สิทธิพิเศษเหล่านี้ มีความง่าย และสามารถเข้าถึงประชาชน จะมีตั้งแต่ระดับ ชนชั้นกลาง ลงไปถึงรากหญ้า
ยกตัวอย่าง “ชาวบ้าน” ที่เป็น เกษตรกร คนสวน ในฐานะเจ้าของสวนผลไม้ สามารถเข้าไปของ QR Code กับ เจ้าหน้าที่ของ ธกส. เพื่อรับสิทธิของการเป็นผู้ประกอบการในการขายสินค้า ให้กับ ประชาชน ที่ได้รับสิทธิ คนละครึ่ง รัฐบาลดูแลให้แบบเกินครึ่ง มาอุดหนุนสินค้า โดยไม่ผ่านคนกลาง หรือ ล้ง ที่ไม่ใช่คนไทย อีกต่อไป
เคสนี้จะใช้กับ ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ อย่างคนขายหมูปิ้ง ขายลูกชิ้น ริมถนนได้ และช่วยกระตุ้นให้เกิดการกระจาย การใช้จ่ายไปในทุกพื้นที่
โครงการ คนละครึ่ง ที่รัฐบาลสนับสนุนเกินครึ่ง ถือเป็นเพียงแค่โปรเจกต์แรก แต่หากยังมีความคาดหวังอื่น ๆ อีก อาทิ ด้านสาธารณสุข, การท่องเที่ยว, เกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นจุดแข็งและฐานเสียงของพรรค
ขอแยกโครงการที่มีความเป็นไปได้ดังนี้ 1.Healthcare & Medical Hub เนื่องจาก อนุทินเคยกำกับกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะต่อยอดโครงการ “Thailand Global Medical Hub”
ประกอบกับ โรงพยาบาลอาจได้รับแรงหนุนจากการดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการลงทุนด้านบริการ
2.Tourism จะมีนโยบายสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยจะดึง นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา
3.Agriculture & Food เนื่องจาก ฐานเสียงของอนุทินอยู่กับเกษตรกร คาดว่าจะมีนโยบายสนับสนุนราคาพืชผลและเพิ่มรายได้ให้ฐานราก
4.Infrastructure & Energy โครงการลงทุนขนาดใหญ่ (Mega Projects)
จาก 4 โครงการหลัก ที่มีความเป็นไปได้ ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้ แนวโน้มของ SET Index ในระยะสั้น (3 เดือนแรก) มีความคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และ Fund Flow ต่างชาติอาจกลับเข้ามา หากนโยบายชัดเจน
ดังนั้น SET Index อาจได้แรงหนุน รีบาวด์เชิงความหวัง ในช่วงแรก แต่การไปต่อได้ไกลแค่ไหนนั้น ต้องดู “การปฏิบัติจริง” ของรัฐบาล ไม่ใช่แค่คำสัญญา
อึ้งย้ง