
KS มอง CRC ขาย “รีนาเชนเต” ลดภาระค่าใช้จ่าย-ปรับพอร์ต M&A ลงทุนธุรกิจใหม่
บล.กสิกรไทย มองเป็นกลาง หลัง CRC ขายกิจการ “รีนาเชนเต” อิตาลี คาดช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านทุน เปิดโอกาสทำ M&A และปรับพอร์ตสู่ธุรกิจทำกำไร หลังเผชิญแรงกดดันจากภาษีสูง ขณะเดียวกัน CRC เน้นขยายธุรกิจในไทยและเวียดนามเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ ( 18 ก.ย.68 ) จากกรณี บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 อนุมัติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการขายกิจการ ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต (Rinascente) ในประเทศอิตาลี โดย บริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด (HCDS) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ CRC เสนอซื้อหุ้นทั้ง 100% ของ บริษัท CRC Holland B.V. ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นทั้งหมดในกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต มูลค่าซื้อขายกิจการเท่ากับ 250 ล้านยูโร หรือประมาณ 9,384 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการรับโอนสัญญาและชำระคืนเงินกู้จากผู้ถือหุ้นอีกประมาณ 141 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,297 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับเงินสดสุทธิหลังหักภาษีรวมประมาณ 13,000 ล้านบาท
ฝ่ายบริหารให้เหตุผลว่า การจำหน่ายสินทรัพย์ครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่จะมุ่งเน้นการขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินสดสุทธิที่ได้ไปใช้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน เพื่อลดต้นทุนและภาระหนี้สิน รวมถึงพิจารณาจัดสรรเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราประมาณ 1.28 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน บริษัทฯ จะแต่งตั้งบริษัท อวานการ์ด แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้น และจะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14:00 น. กำหนดวัน Record Date เพื่อรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมคือวันที่ 2 ตุลาคม 2568
ด้านความเห็นจาก บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS สรุปประเด็นสำคัญจากการประชุมของ CRC ต่อข่าวดังกล่าว ซึ่งคงมุมมอง “Neutral” หลัง CRC เตรียมขายกิจการ Rinascente ในอิตาลี คาดการณ์รับกำไรสุทธิหลังหักภาษีราว 6 พันล้านบาท โดยจะนำเงินไปชำระหนี้ 5.3 พันล้านบาท และจ่ายเงินปันผลพิเศษแก่ผู้ถือหุ้นใน 2 ครั้ง
ทั้งนี้ การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการที่ Rinascente มีส่วนต่อการเติบโตที่จำกัด และถูกกดดันจากอัตราภาษีสูงถึง 30% การไม่เคยจ่ายปันผลตั้งแต่เข้าตลาด และแนวโน้มตลาดสินค้าลักชัวรีที่อ่อนตัวลงซึ่งกดดันความสามารถในการทำกำไร
ส่วนสถานการณ์ปัจจุบัน สัดส่วน 95% ของรายได้มาจากไทยและเวียดนาม ดังนั้น CRC จึงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะการเร่งลงทุนในเวียดนามผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และโมเดลร้านค้าขนาดเล็ก ขณะที่ธุรกิจแฟชั่นในไทยยังคงสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ การขายกิจการครั้งนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านทุน CAPEX และเปิดโอกาสให้นำเงินลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง สนับสนุนการทำ M&A ที่เสริมธุรกิจหลักและช่วยปรับพอร์ตด้วยการพิจารณาขายสินทรัพย์ที่ไม่ทำกำไร ควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นผ่านเงินปันผลพิเศษ
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงกังวลต่อผลประกอบการที่จะหดตัวราว 10% ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป แต่คาดการณ์ว่าจะถูกชดเชยด้วยการเติบโตของกำไรจากธุรกิจในเวียดนามในระยะกลาง
				
