พาราสาวะถี

หลังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล นำ ครม. เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับตำแหน่งวันที่ 24 กันยายนนี้แล้ว จะมีการประชุม ครม.นัดแรกทันที


หลังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล นำ ครม. เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับตำแหน่งวันที่ 24 กันยายนนี้แล้ว จะมีการประชุม ครม.นัดแรกทันที โดยเสี่ยหนูยืนยันว่าไม่ใช่การประชุมนัดพิเศษ เป็นการประชุมเพื่อแบ่งงานรองนายกฯและแต่งตั้งเลขาธิการนายกฯ คงไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะไม่ใช่การประชุมเพื่อลงมติในเรื่องต่าง ๆ ที่จะต้องรอการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้เรียบร้อยก่อน เบื้องต้นที่กำหนดกันไว้คงอยู่ระหว่างวันที่ 29 กันยายนถึง 1 ตุลาคม อาจจะเป็น 29-30 กันยายน หรือ 30 กันยายนถึง 1 ตุลาคม แล้วแต่รัฐบาลพร้อม

ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 162 ให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาหลังถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วภายใน 15 วัน ยืนยันกันว่าพร้อมทั้งตัวรัฐมนตรี ที่เสี่ยหนูเชื่อมั่นว่าไม่มีปัญหาคุณสมบัติ ย้ำว่าพร้อมในส่วนของนโยบายที่เตรียมการไว้หมดแล้ว รวมทั้งประกาศจะเป็นรัฐบาล 4 เดือนตามข้อตกลงที่ทำกันไว้กับพรรคประชาชน นั่นหมายความว่า ครม.หนู 1 แถลงนโยบายวันไหน ก็เริ่มนับถอยหลังถึงวันยุบสภากันไว้ได้เลย

ถามถึงโอกาสที่จะเกิดการพลิกลิ้นไม่ทำตามสัญญามีหรือไม่ ในทางการเมืองไม่มีใครไว้วางใจกันอยู่แล้ว เห็นกันอยู่กับความพยายามในการดึงอดีต สส.และ สส.ของพรรคต่าง ๆ เข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยกันอย่างคึกคัก จะเรียกว่าเปิดหน้าไม่กระมิดกระเมี้ยน หลบ ซ่อน ๆ เหมือนบางคนก่อนหน้านี้กันเลยทีเดียว และเป็นการยกโขยงกันมาทั้งฝูงเสียด้วยซ้ำไป เป็นธรรมดา งานนี้รู้กันดีว่า พลังอะไรที่ดึงดูดให้นักเลือกตั้งผู้หิวโหยเหล่านั้นแห่แหนกันมาเข้าคอกพรรคสีน้ำเงิน

ส่วนที่เสี่ยหนูอ้างว่าได้มาเป็นนายกฯ และแกนนำตั้งรัฐบาลนั้น เป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ยามนี้จะพูดอะไรก็ได้ รู้กันในแวดวงอยู่แล้วว่าได้กลับมายิ่งใหญ่เพราะอะไร สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าความศักดิ์สิทธิ์ เวรกรรมมีจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการกระทำหลังจากนี้ไปมากกว่า คดีความต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากทำเป็นหูทวนลม ใช้ความเป็นพวกอย่างหนาเป่าเรื่องที่สังคมจับตามองให้เงียบหายไป สุดท้าย ระวังมันจะวกกลับมาทำลายในภายหลัง หากเชื่อในกงเกวียนกำเกวียนจริง คดีที่ดินเขากระโดงและฮั้วเลือก สว.ก็แจกแจงให้สังคมกระจ่างตั้งแต่ต้นว่า กระบวนการหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ลิ่วล้อสอพลอที่รอการกลับมาพร้อมจะสนองนายอยู่แล้ว

ในแง่ของการทำงาน หากมองตามสภาพแรงกดดันในส่วนของรัฐบาล จะมีก็แต่ประเด็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น หากทำได้ไม่มัวแต่ไปแก้ปัญหาทางการเมือง เรื่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เคยกดดันรัฐบาลก่อนหน้าคงไม่เกิดขึ้นแน่นอน ไม่จำเป็นต้องสืบเสาะหาเบื้องหลังใด ๆ เมื่อเป็นพวกเคลื่อนไหวแบบมีผลประโยชน์ แต่ละตัวเป็นพวกสันหลังหวะทั้งนั้น โดยเฉพาะ รายของอดีตแกนนำฝั่งแดงที่เปลี่ยนสีชนิดกิ้งก่ายังอาย สัตว์เลื้อยคลานบางจำพวกต้องชิดซ้าย

ความจริงเรื่องขั้วการเมืองที่เห็นกันอยู่เวลานี้ไม่มีอะไรลึกลับ ซับซ้อน เหมือนกรณี อนุทินกินข้าวกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ที่ถูกมองว่าจะคัมแบ็คกลับมานั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกกระทอก ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น ก็ใครกันที่เป็นพวกเนรคุณตีจากพรรคนายใหญ่ไปร่วมตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ก็รัฐบาลชุดนั้นไม่ใช่หรือที่พ่อของเสี่ยหนูได้นั่งเก้าอี้ใหญ่โตในนามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหากเป็นเช่นนั้น คงไม่ต้องคาดเดาอะไรให้ยาก ถ้าพรรคเก่าแก่เปลี่ยนผู้นำก็ต้องสังฆกรรมกับรัฐบาลนี้ล้านเปอร์เซ็นต์

นั่นก็จะเป็นอีกหนึ่งจังหวะที่รอพิสูจน์ท่าทีของพรรคสีส้ม หากประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ก็เท่ากับการผิดข้อตกลงในการไม่ยอมเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ใช่แค่เพียงตกอยู่ในภาวะน้ำท่วมปาก หากแต่เป็นเรื่องของเงื่อนไข ข้อเสนอที่ผ่านกระบวนการพูดคุยกันมาตั้งแต่อนุทินถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพราะ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นคนประกาศเองว่าพร้อมยกมือหนุนเสี่ยหนูเป็นนายกฯ ทั้งที่คดีความของ แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่รู้หมู่หรือจ่า 

แม้จะมีการออกตัวแก้เกี้ยวกันภายหลังว่า ยินดียกมือหนุนแคนดิเดตนายกฯ ทุกพรรคที่รับเงื่อนไขของพรรคสีส้มได้ แต่ความจริงก็คือมีการได้ข้อมูลอินไซด์ จนกลายเป็นการตกผลึกในข้อแลกเปลี่ยนกันนับแต่นั้น อย่างที่บอกเมื่อ คนมีราศีได้รับบารมีมาอย่างล้นเหลือ ใครหน้าไหนก็ไม่อาจที่จะมาขวางลำได้ เช่นเดียวกับการทักท้วงเรื่องรัฐบาลรักษาการยุบสภาไม่ได้ 2 เสียงสำคัญคือ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ได้รับการปูนบำเหน็จให้เป็นรองนายกฯ ปัจจุบัน กับ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รอดูว่าคนหลังจะได้ขยับตำแหน่งอะไรที่ใหญ่โตกว่านี้อีกหรือไม่

บอกแล้วว่าการทำอะไรก็ตามของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ต่อให้ซ้ำรอยเดิมกับรัฐบาลจากพรรคการเมืองที่พวกขวาจัดจงเกลียดจงชัง มักจะกลายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ทำได้เสมอ เช่นเดียวกับพวกนักเคลื่อนไหวรับงาน ก็จะพากันเพิกเฉย เบื้องต้นคงต้องรอดูบทบาทความเป็นฝ่ายค้านที่สนับสนุนรัฐบาลของพรรคสีส้มในการอภิปรายช่วงแถลงนโยบายของรัฐบาล ประเด็นที่ตั้งข้อกังขาเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางคน ความจริงจังและจริงใจในการปฏิบัติตามข้อตกลง จะเข้มข้น สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลตั้งแต่เริ่มต้น หรือแค่มวยล้มต้มคนดู

ที่แน่ ๆ พรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนแล้วว่า จะไม่ส่งคนร่วมเป็นวิปฝ่ายค้าน เห็นกันอยู่ว่าเจตนารมณ์ไม่ตรงกัน จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร เมื่ออีกพรรคเป็นฝ่ายค้านที่ชัดเจน เต็มตัว แต่อีกพรรคเป็นเหมือน ฝ่ายค้านครึ่งบกครึ่งน้ำ แขนข้างหนึ่งอ้างใช้ในการตรวจสอบ แต่อีกข้างก็พร้อมที่จะยกหนุนค้ำยันเสถียรภาพของรัฐบาล งานนี้มันไม่ใช่เรื่องอัตตาของผู้ใหญ่ในพรรคสีแดง หากแต่เป็นเรื่องความลักปิดลักเปิดในการทำหน้าที่ของพรรคสีส้มมากกว่า

อรชุน

Back to top button