พาราสาวะถี

หากจะเปรียบเทียบการใช้ต้นทุนต่อการตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย มันมีทั้งความเหมือนและต่างกันโดยบริบทของการได้เข้าสู่อำนาจบริหารบ้านเมือง


หากจะเปรียบเทียบการใช้ต้นทุนต่อการตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย มันมีทั้งความเหมือนและต่างกันโดยบริบทของการได้เข้าสู่อำนาจบริหารบ้านเมือง พรรคของ ทักษิณ ชินวัตร ทันทีที่เกิดการพลิกขั้ว ก็พ่วงมาด้วย ข้อกล่าวหาตระบัดสัตย์ ทั้งที่ก็รู้ว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งปี 2566 นั้น สว.ลากตั้งมีอำนาจในการยกมือโหวตด้วย ซึ่งอย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้พรรคก้าวไกลในเวลานั้นได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแน่นอน

มันจึงทำให้เกิดดีลพิเศษ ที่จะเรียกว่าดีลลังกาวีหรืออะไรก็แล้วแต่ จนนำมาซึ่งการตั้งรัฐบาลพลิกขั้วได้สำเร็จ นั่นต้องแลกมาด้วย การเทหมดหน้าตักของตระกูลชินวัตร ในแง่ของความเชื่อมั่น ไว้วางใจของฝ่ายกองเชียร์ที่เรียกขานตัวเองว่าเป็นผู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยความหวังของทักษิณ ณ ขณะนั้น คือต้องใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ และเชื่อว่าจะสามารถลบล้างความไม่พอใจของผู้สนับสนุนทั้งหลายได้ แม้ว่าใน การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีจะถูกพรรคสีน้ำเงินขี่คอ ขอคุมกระทรวงสำคัญอย่างมหาดไทยก็ตาม

ภายใต้ภาวะจำยอมและช่วงน้ำต้มผักยังหวาน ทุกอย่างจึงดูเหมือนไม่มีปัญหา ถือเป็นความสำเร็จของ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะผู้นำพรรคสีน้ำเงิน อย่างไรก็ตาม การบริหารงานภายใต้ข้อตกลง และโจทย์ที่ได้รับมาจากอำนาจวิเศษที่สนับสนุนนั้น ไม่ได้ราบรื่น เรียบร้อยอย่างที่คิด กลไกของขบวนการสืบทอดอำนาจยังคงสร้างปัญหาไม่ลดละ จาก เศรษฐา ทวีสิน จนมาถึง แพทองธาร ชินวัตร ทำให้นายใหญ่รู้ได้ทันทีว่า ที่ได้ดำเนินการมานั้น ไม่เหมือนการถูกหลอกเสียทีเดียว แต่เป็นการเสียเหลี่ยมให้กับพวกอนุรักษ์นิยม ที่วางแผนกันไว้หมดแล้ว

ประกอบกับ สถานะใหม่ของเสี่ยหนู จึงทำให้หลังจากที่แพทองธารถูกเขี่ยพ้นเก้าอี้นายกฯ แล้ว ทุกอย่างจึงถูกจัดตั้งกันอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งพรรคสีส้มก็เข้าร่วมในขบวนการนี้ด้วย เป็นการได้อำนาจบริหารประเทศที่ดูไม่ยากเย็นแต่อย่างใด ทว่ามันก็มีต้นทุนที่ทำให้เสี่ยหนูต้องแบกรับ นั่นก็คือ ปัญหาคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางรายจากพรรคร่วมรัฐบาล เหตุที่โฉมหน้า ครม. 4 เดือนคลอดช้ากว่าที่ควรจะเป็น ก็มาจากกรณีนี้ แต่ พรรคสีน้ำเงินไม่สามารถที่จะหักกับพรรคร่วมรัฐบาลได้

เนื่องจากพรรคเหล่านั้นยื่นคำขาด หากไม่ตั้งคนที่ได้เสนอชื่อไปก็จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกันทั้งพรรค มันจึงเป็นภาวะจำยอม และถือเป็นการใช้สถานะของตัวเองที่มีอยู่ในปัจจุบันของเสี่ยหนู ในการแบกรับความเสี่ยงเรื่องคุณสมบัติเหล่านั้น แต่ที่ทำให้มั่นใจก็เพราะกลไกของอำนาจเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น จะไม่ดำเนินการ หรือจัดการเหมือนกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย เป็นปัญหาที่มีความเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน แต่ปลายทางของบทสรุปต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคำว่า นิติสงครามจะทำอะไรก็ได้

ดังนั้น ความมั่นคงหรือเสถียรภาพของรัฐบาล 4 เดือนจึงอยู่ที่ผลของการทำงานเป็นสำคัญ เมื่อพิจารณาจากรายชื่อรัฐมนตรีเสียงยี้จากคนของฝ่ายการเมือง ถูกมองข้ามด้วยหน้าตาของรัฐมนตรีคนนอกที่เข้ามาทำงานด้านเศรษฐกิจ ที่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะภาคเอกชน ชนชั้นอีลิททั้งหลายเชื่อมั่นว่า คนเหล่านั้นที่ดึงเข้ามาจะสามารถสร้างผลงานให้เกิดขึ้นได้ แม้จะมีระยะเวลาในการทำงานที่สั้น ถ้าได้วางรากฐานทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ ก็จะเกิดผลดีในระยะยาว

ภาพสะท้อนของความไว้วางใจจากเหล่าบุคคลที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างเต็มที่นั้น ดูได้จากคะแนนของ ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่หักแค่แต้มเดียวด้วยเหตุว่ารอดูผลงานที่เป็นรูปธรรม โดยให้ 9 เต็ม 10 พอเข้าใจได้ เห็นกันอยู่แล้วว่าบทบาทของเจ้าตัวนั้นโดดเด่นขนาดไหนในการรับใช้ ช่วยงานรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ผ่านมา คงไม่ต้องบอกว่ายืนอยู่ข้างไหน นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความโชคดีของรัฐบาลอายุสั้น ที่มีแรงหนุนจากบรรดาเสียงส่วนน้อยแต่มีพลัง

ทั้งที่ หากจะมองกันอย่างเป็นกลาง ๆ ต้องเหมือนที่ สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมืองมองที่ว่า หน้าตาของรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจพอใช้ได้ แต่ปัญหาสำคัญไม่ใช่ตัวบุคคล ขึ้นอยู่กับฝีมือที่ต้องแสดงออกใน 4-6 เดือนว่าจะเป็นไปตามเป้าหรือไม่ อย่างแรกต้องกระตุ้นให้เศรษฐกิจที่อยู่ขาลง ให้อยู่ในลักษณะที่เรียกว่าทรงตัว หรือดีขึ้นได้ และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างน้อยที่สุดมีการตอกเสาเข็ม และมีการบรรเทาความลำบากของประชาชน

ภารกิจตามไทม์ไลน์ที่กำหนดจะเป็นการวัดฝีมือทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ ที่ต้องดูควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาปากท้อง ย่อมหนีไม่พ้นเรื่อง ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา จับอาการของเสี่ยหนูต้องเรียกว่าอยู่เป็น การยกเรื่องเปิดด่านให้เป็นเรื่องของกองทัพและฝ่ายความมั่นคงทั้งหมด ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ต้องจับตากันต่อไปคือ ท่าทีของฝั่งเขมรที่หวังว่าการเข้ามาของอนุทินน่าจะคุยกันได้ การใช้แผนเปิดแนวรบฝั่งตะวันออกด้วยการใช้ชาวบ้านเด็ก สตรีและพระสงฆ์มายั่วยุเจ้าหน้าที่แนวชายแดนที่สระแก้ว ถ้ายังไม่หยุด นี่คือปัญหาใหญ่ที่ผู้นำประเทศต้องตัดสินใจเด็ดขาด

เสถียรภาพของรัฐบาลยังไม่น่าห่วงเท่าบทบาทของความเป็นผู้นำฝ่ายค้านและพรรคแกนนำฝ่ายค้านของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับพรรคประชาชน ด้วยความเป็นนั่งร้านให้รัฐบาล บทบาทที่จะต้องเล่นคือทั้งทำตัวเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายกุมอำนาจในทุกการประชุมสภา รวมไปถึงจะต้องร่วมโหวตเห็นชอบในกฎหมายต่าง ๆ ของรัฐบาลด้วย มิเช่นนั้น จะทำให้รัฐบาลอยู่ยาก แค่เท่านี้ก็ขัดแย้งกับหลักการ และวิธีการที่พรรคสีส้มเคยทำมาตลอด ตั้งแต่รัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจจนถึงรัฐบาลเพื่อไทย ปากบอกว่าทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่ แต่วิธีปฏิบัติมันสวนทางกันสิ้นเชิง แบบนี้กองเชียร์จะยังคงไว้วางใจกันอีกหรือ

อรชุน

Back to top button