แทงสวนหุ้น PE ต่ำ

ในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมาต่อเนื่อง อาจทำให้นักเล่นเริ่มกังวลใจเล็ก ๆ เพราะโดนขายหุ้นออกมาหนัก ๆ


ในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมาต่อเนื่อง อาจทำให้นักเล่นเริ่มกังวลใจเล็ก ๆ เพราะโดนขายหุ้นออกมาหนัก ๆ แต่ถ้ามองในมุมกลับกันจะเห็นว่า นี่เป็นจังหวะของการรับของอย่างไม่ต้องสงสัย และหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้ “โมนิก้า” เชื่อเช่นนั้นเป็นผลมาจากค่า PE ต่ำเหลือเกิน ขณะที่ผลการดำเนินงานก็ยังทำได้ดีในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ยังมองตลาดหุ้นในแง่ดีนะจะบอกให้

โดยเฉพาะในรายของหุ้นเดินเรือ RCL ถือเป็นดาวรุ่งที่มาแรงในประเด็นดังกล่าว เพราะเมื่อดูจากค่า PE ที่ระดับ 2 เท่า และค่า PBV ที่ระดับ 0.44 เท่า ก็เป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้ก่อนใครเพื่อน แถมเมื่อดูการยืนปิดของหุ้นที่ระดับ 27.25 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 123 ล้านบาท โดยสัปดาห์ก่อนเคยขึ้นไปถึง 30 บาทแบบนี้..น่าเล่นไหมล่ะคะ

เช่นเดียวกับในรายของแบงก์ตราดอกบัว BBL ก็กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่อีฉันชอบเม้าท์ถึงเมื่อเอ่ยถึงเรื่องพีอีต่ำ “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดของหุ้นที่ระดับ 148.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 637 ล้านบาท คือจังหวะของการไหลตามน้ำ เพราะหุ้นเทรดบนค่า PE 6 เท่า แถมอัตราการจ่ายเงินปันผลปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 4.50% และปีนี้น่าจะไม่ต่ำกว่าระดับดังกล่าวแบบนี้..รออะไรอยู่ล่ะจ๊ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นขายไก่ขายหมู CPF มักขึ้นมาติดทำเนียบหุ้นพีอีต่ำเป็นประจำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หุ้นยังขึ้นไม่สุดซอย และเหลือแก๊ปให้เล่นอีกเพียบ “โมนิก้า” ถึงชอบตั้งคำถามกับแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 23 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 348 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 6.30 เท่า และนักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 28 บาทแบบนี้..ห้ามมองข้ามเด็ดขาดนะคะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลือบมองเสือซุ่มอย่างหุ้น BLA เพื่อชี้ให้เห็นการไต่ระดับขึ้นอย่างช้า ๆ มันมีนัยสำคัญพอสมควร เพราะเมื่อดูราคาหุ้นในช่วงต้นเดือนอยู่ที่แถว 17.50 บาท แต่มาถึงวันนี้หุ้นยืนปิดที่ระดับ 19 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 6.75 เท่า และมีปันผลในระดับ 2% ให้แบบนี้..ช้าแต่ชัวร์พะยะค่ะ

ในเมื่อเม้าท์ถึงหุ้นพีอีต่ำ และมีปันผลให้ทุกปี ย่อมมีชื่อของหุ้น EGCO ติดในโผดังกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเมื่อดูจาก PE 7.60 เท่า และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาให้ปันผลปีละ 5% แถมในปี 68 มีโอกาสจะให้ผลตอบแทนแบบนั้นได้อีก “โมนิก้า” เลยอยากถามนักเล่นว่า การยืนปิดที่ระดับ 117 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53 ล้านบาทแบบนี้..ใช่ตัวเลือกที่เจ้านายชอบอะป่าว!

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้นที่มีแนวโน้มทำผลงานได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอย่าง JMART เป็นรายถัดมา เพราะมองในมุมของค่า PE 17 เท่าอาจเป็นระดับดูสูงไปในจังหวะนี้ ยกเว้นผลงานในไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ออกมาดีตามที่ประเมินไว้ ก็จะทำให้การยืนปิดที่ระดับ 9.65 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76 ล้านบาท กลายเป็นจุดที่น่าสนใจขึ้นมาทันทีจ้า!

เช่นเดียวกับในรายของยักษ์หลับอย่างหุ้น STGT ก็มีมุมที่ทำให้ “โมนิก้า” สนใจมากเป็นพิเศษเหมือนกัน เพราะมองในมุมของเงินปันผลที่ให้ในระดับ 5% และมีค่า PE อยู่ที่ระดับ 20 เท่า มันกลายเป็นช็อตที่เหมาะสำหรับคนที่เน้นลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว ผนวกกับกูรูทางเศรษฐกิจเชื่อว่า หลายอย่างจะดีขึ้นเป็นรูปธรรมในไม่ช้าแบบนี้ อีฉันเลยมองการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 7.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38 ล้านบาท อาจเป็นคำตอบที่ถูกใจนักเล่นบางคนเจ้าค่ะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button