“พงศ์ภัทร” ชี้ SET ไซด์เวย์ รอนโยบายรัฐชัดเจน แนะสะสมหุ้น “ท่องเที่ยว–ค้าปลีก–ก่อสร้าง”

“พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์” มอง SET ไซด์เวย์ รอแถลงนโยบายรัฐบาล-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน แนะสะสมหุ้นบริโภค–ท่องเที่ยว พ่วงพลังงานเครือ PTT จากแผน Asset Monetization  


นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ นักกลยุทธ์การลงทุน Research Department, InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (29 ก.ย.2568) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้คาดว่าทิศทางดัชนีมีแนวโน้ม “แกว่งตัวในกรอบ” โดยมองว่าหาก SET สามารถยืนเหนือ 1,290–1,293 จุดได้ จะเป็นสัญญาณจบการพักฐาน และขึ้นรอยใหม่เพื่อทดสอบ 1,300 จุด แต่หากยังไม่ผ่านคาดแกว่งสะสมระหว่างแนวรับ 1,278 และ 1,268 จุด ถ้าไม่หลุดน่าจะแกว่งตัวในกรอบ

ด้านปัจจัยนโยบาย ทีมนักกลยุทธ์คาดว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมจะเป็นแรงหนุนตลาดง เนื่องจากรัฐบาลมีระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือนแรก จึงคาดว่าจะเป็นช่วง Honeymoon Period ที่จะมีการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจออกมาอย่างเต็มที่ โดยมีโอกาสที่จะเป็นปัจจัยที่หนุนตลาดได้

นอกจากนี้ระยะสั้นยังต้องติดตามทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงที่อาจจะเริ่มกลับมาอ่อนค่า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อฟันด์โฟลว์ และในเชิงเศรษฐกิจการที่บาทอ่อนมีโอกาสที่จะหนุนการส่งออก และมีโอกาสที่จะช่วยหนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้มากกว่าบาทแข็ง

ดังนั้นสิ่งที่ตลาดกังวลคือการที่ภาครัฐจะมีการใช้นโยบายที่สกัด บาทแข็งมากน้อยขนาดไหน หากมีการใช้มาตรการที่เข้มข้น อาจส่งผลกระทบต่อตลาดทุนได้ อย่างไรก็ตามมีการประเมินว่าในช่วงใกล้การเลือกตั้งภาครัฐคงไม่ใช้มาตรการที่รุนแรงและกดดันตลาดหุ้นมากนัก

ขณะเดียวกันใกล้ช่วงปิดงบไตรมาส 3 มีโอกาสเห็นแรงปรับแต่งพอร์ต (window dressing) เพิ่มบ้าง หลังดัชนีทั้งไตรมาสปรับตัวขึ้นมาแล้วระดับหนึ่ง

สำหรับกลยุทธ์แนะนำ “ทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัว” เน้นไปที่หุ้นกลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับโอกาสในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้แก่

1.กลุ่มบริโภคได้ประโยชน์จากมาตรการที่ออกมาแล้ว เช่น โครงการคนละครึ่งกลุ่มที่ได้ประโยชน์: ค้าส่ง และการบริโภคประเภทเครื่องดื่ม

2.กลุ่มท่องเที่ยว คาดว่าโดยแรงหนุนธีมเรื่องนโยบายและการท่องเที่ยว และช่วงวันหยุดยาวของจีน Golden Week (1-8 ตุลาคม) กลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด: โรงแรมมากกว่าสายการบิน ชู Top Pick ได้แก่ CENTEL คาดว่าจะได้ประโยชน์จากผลขาดทุนขในมัลดีฟที่ลดลง และเข้าสู่ช่วง High Season ทำให้กำไรมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างน้อย 2-3 ไตรมาส

3.กลุ่มลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน มีโอกาสได้รับประโยชน์เช่นกัน

4.กลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTT Group) ได้รับการสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงโครงการ Asset Monetization ซึ่งเป็นบวกต่อทั้งตัวแม่ (ปตท.) และบริษัทลูก โดยได้ประโยชน์จาก Asset Monetization: ช่วยลดความเสี่ยงในการถูกลด Credit Rating เสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทลูก และลดภาระหนี้ ทำให้ตัวแม่ได้ผลประโยชน์ทางอ้อม และเพิ่มผลตอบแทนจากการถือสินทรัพย์ โครงการนี้จึงถือเป็น Win สำหรับทั้งกลุ่ม

Back to top button