
CMO หุ้นใหญ่กินดอก.!
ก่อนหน้านี้เกิดความกังขากับกรณีบอร์ดบริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ทยอยไขก๊อกลาออกกันเป็นว่าเล่น
ก่อนหน้านี้เกิดความกังขากับกรณีบอร์ดบริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ทยอยไขก๊อกลาออกกันเป็นว่าเล่น ไล่มาตั้งแต่กรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (CFO) แต่ที่ถูกจับตามากสุดเห็นจะเป็นการลาออกของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย นั่นคือ “กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์” ซึ่งลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา
ส่วน “กิตติ พัวถาวรสกุล” ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ กรรมการบริหาร และกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน มีผลวันที่ 20 ก.ย. 2568 รวมทั้งลาออกจากประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ มีผลวันที่ 30 ก.ย. 2568 นี้
มิหนำซ้ำ CMO ยังแจ้งเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการลงนามผูกพันบริษัท โดยถอด “กิติศักดิ์” และ “กิตติ” ออกไปอีกด้วย
งั้นก็ชัดเจนว่า “กิติศักดิ์” กับ “กิตติ” เตรียมโบกมือบ๊ายบาย CMO แล้ว…
แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏข้อมูลการขายหุ้นของ “กิติศักดิ์” นะ…
มีเพียงแค่ข้อมูลการโอนหุ้นให้กับลูกสาว 2 คนของ “กิตติ” เท่านั้น ได้แก่ “ฟ้าใส พัวถาวรสกุล” จำนวน 33.72 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.9140% และ “ยิ่งรัก พัวถาวรสกุล” จำนวน 33 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.7433% ส่งผลให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 68.31 ล้านหุ้น คิดเป็น16.0288% ส่งผลให้ “กิตติ” เหลือถือหุ้น 1.32 ล้านหุ้นเท่านั้น
หมายความว่า CMO จะเปลี่ยนหัวโขนอีกแล้วเหรอเนี่ย…
แหม๊…เปลี่ยนหัวบ๊อยบ่อยจนจำรากเหง้าเดิมไม่ได้แล้วนะ..??
ไม่เท่านั้น ล่าสุดมีอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งว่าด้วยเรื่องการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่…หรือพูดภาษาชาวบ้าน ก็ขอกู้เงินจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่แหละ…โดยมาในรูปแบบของตั๋วสัญญาใช้เงิน ไม่มีหลักประกัน หรือตั๋ว B/E (Bill of Exchange) นั่นเอง
โดย CMO จะออกตั๋ว B/E ให้กับบุคคล 3 รายด้วยกัน คนแรก “นวิน เหมรัชตานันต์” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 3 และเป็นสามีของ “ยิ่งรัก” ปัจจุบันทั้งคู่ถือหุ้นรวมกัน 24.63% มูลค่าตั๋ว B/E จำนวน 12.5 ล้านบาท ถัดมาเป็น “นาวิน เหมรัชตานันต์” ซึ่งเป็นพ่อของ “นวิน” จำนวน 9.5 ล้านบาท และ “วิภาพร วชิรศิริกุล” เป็นแม่ของ “นวิน” จำนวน 10 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 32 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี
เท่ากับว่า CMO ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เบ็ดเสร็จแล้ว 2.24 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน
เบื้องต้น CMO ระบุว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปเสริมสภาพคล่องทางการเงิน หรือแปลไทยเป็นไทยก็ไม่ได้เอาไปสร้างมูลค่าเพิ่มนะสิ…แล้วอย่างนี้จะเห็น CMO ลืมตาอ้าปากได้เมื่อไหร่กันละเนี่ย..?? ใครรู้ช่วยบอกที
แต่จะว่าไปแล้วการออกตั๋ว B/E ถ้าไม่สิ้นไร้ไม้ตอกจริง ๆ ก็ไม่ค่อยมี บจ.ไหนออกกันนะ แสดงว่า CMO หมดหนทางแล้วจริง ๆ นะเนี่ย
แล้วที่เห็นงบงวด 6 เดือนแรกปี 2568 พลิกมามีกำไรสุทธิ 28.10 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 64.95 ล้านบาท ก็อย่าพึ่งดีใจไป เนื่องจาก CMO ยังมีชนักปักหลังจากการที่ผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินรวมประจำไตรมาส 2/2568
ด้วยเหตุ 1) กลุ่มบริษัทฯ ประสบผลขาดทุนจากการดำเนินงานต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปี และ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 209.68 ล้านบาท ในงบการเงินรวม และจำนวน 226.30 ล้านบาท ในงบการเงินเฉพาะกิจการ
และ 2) ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของคดีความที่กลุ่มบริษัทฯ ถูกฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2567 ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกคำฟ้อง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์
กลับมาที่การออกตั๋ว B/E…ดู ๆ แล้วคนที่ได้ประโยชน์สุงสูด ไม่น่าจะใช่ตัวบริษัทเสียกระมั้ง แต่เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่นอนกินดอกเบี้ย เดือนละ 186,666 บาท ทุกเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม
ซึ่งดีกว่าเอาเงินไปฝากแบงก์เป็นไหน ๆ…
…อิ อิ อิ…