“สุเชษฐ์” มอง SET ไซด์เวย์ แนะสะสม 4 หุ้นเด่น “CBG–MTC–BJC–BAM”

ASL ประเมิน SET แกว่งตัว มีแนวรับสำคัญที่ 1,280 หากต่ำกว่า 1,270 ควรตัดขาดทุน แนะสะสมหุ้นเด่น CBG, MTC, BJC, BAM พร้อมชี้กลุ่มแบงก์–สนามบิน–สื่อสารหนุนตลาดปลายปี


นายสุเชษฐ์ สุขแท้ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายมีเดียมาร์เก็ตติ้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด (ASL) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัว โดยให้จุดรับสำคัญที่ 1,280 จุด และหากดัชนีปรับลดต่ำกว่า 1,270 จุด นักลงทุนควรตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยง

สำหรับหุ้นเด่นรายตัว แนะนำ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG มีปัจจัยพื้นฐานที่ยังแข็งแรง แม้ก่อนหน้านี้มีแรงกดดันจากหลายประเด็น โดยราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 56 บาท ตั้งเป้าหมายระยะสั้นที่ 60 บาท และหากผลประกอบการไตรมาส 4 ฟื้นตัวชัดเจน ราคามีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 75 บาท

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ราคาปิดล่าสุดที่ 40.50 บาท ให้แนวรับที่ 40 บาท และแนวต้านที่ 45 บาท ซึ่งเป็นระดับที่ถูกทดสอบหลายครั้ง หากผ่านได้จะมีโอกาสไปถึง 50 บาท ส่วน บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC อยู่ที่ระดับ 20.20 บาท โดยมีเป้าหมายที่ 22 บาท และแนวต้านสำคัญที่ 21.10 บาท หากทะลุผ่านไปได้คาดว่าจะถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

ด้าน บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM มีแนวรับที่ 7.50 บาท และแนวต้านที่ 8.50 บาท โดยมองว่าในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่หุ้นมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบระดับแนวต้านดังกล่าว

โดยปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณการซื้อขายที่อยู่เพียงระดับ 38,000 ล้านบาทต่อวัน สะท้อนความกังวลของนักลงทุน อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ทั้งโครงการคนละครึ่ง การส่งเสริมการท่องเที่ยว และมาตรการด้านการใช้จ่าย จะช่วยสร้างแรงหนุนต่อบรรยากาศการลงทุน

ทั้งนี้ ในเชิงกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นสนามบินอย่าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เริ่มฟื้นตัวจากระดับ 38 บาท ขยับขึ้นมาใกล้ 40 บาท คาดว่าช่วงกลางเดือนตุลาคมจะเห็นแรงขับเคลื่อนชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้ง ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ ยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อเนื่องจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในครึ่งปีแรก

ส่วนหุ้นกลุ่มสื่อสารและโรงพยาบาล อาทิ ADVANC และ BDMS รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์และพลังงาน ยังน่าสนใจสะสมเพื่อขายทำกำไรในเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ หุ้นน้องใหม่ บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO มีเป้าหมายราคา 3 บาท และหากสามารถปรับขึ้นถึง 3.50 บาท จะได้รับแรงหนุนเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับหุ้นเทคโนโลยีเด่นอย่าง บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA แม้จะมีความผันผวนจากประเด็นเกณฑ์ด้านการถ่วงน้ำหนักในดัชนี (Cap Weight) และข่าวเชิงลบที่เข้ามากระทบ แต่ยังคงเป็นหุ้นที่ได้รับการถือครองจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ โดยสถาบันต่างชาติยังคงให้เครดิตสูง และมองการลงทุนใน DELTA เป็นระยะยาว หากราคาลดลงต่ำกว่า 140 บาทจะเป็นจุดที่สถาบันเข้าซื้อสะสม

สำหรับปัจจัยต่างประเทศ นายสุเชษฐ์ ประเมินว่า ความกังวลต่อการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง และหากผ่านพ้นประเด็นนี้ไปได้ ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นไทย

Back to top button