ขายวันปิดงวดบัญชี

สุดท้ายการทำตัวเลขให้ออกมาสวย ๆ วันปิดงวดบัญชี ก็เป็นเพียงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ซึ่งบางครั้งก็เป็นจริงเหมือนที่คาดการณ์ แต่ในบางครั้งก็ไม่เป็นจริงเหมือนที่คาดการณ์


สุดท้ายการทำตัวเลขให้ออกมาสวย ๆ วันปิดงวดบัญชี ก็เป็นเพียงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ซึ่งบางครั้งก็เป็นจริงเหมือนที่คาดการณ์ แต่ในบางครั้งก็ไม่เป็นจริงเหมือนที่คาดการณ์ “โมนิก้า” จึงอยากนำเรื่องราวดังกล่าวมาเม้าท์ให้ฟังอีกครั้ง หลังตลาดหุ้นไทยถูกขายตั้งแต่เปิดเทรด จนสุดท้ายลงมายืนปิดที่ระดับ 1,274.17 จุด ลบไป 13.90 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.95 หมื่นล้านบาทไงล่ะคะ

ประกอบกับ “ฟิทช์ เรทติ้งส์” ออกมาหั่นเครดิตหุ้นแบงก์ใหญ่บางตัว จึงทำให้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยดูไม่ดีสักเท่าไหร่! ทั้งที่วันก่อนเพิ่งทะยานขึ้นไปเกือบสิบจุด และโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังมองเป้า 1,300 จุดอยู่เลย “โมนิก้า” ถึงมองปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะเมื่อใดที่ตลาดหุ้นเริ่มมีความคลุมเครือ ต่อจากนั้นมักมีเรื่องที่สร้างความหนักใจตามหลังมาเป็นประจำนะซี

โดยเรื่องดังกล่าวดูได้จากโครงการคนละครึ่งที่เดิมคาดกันว่า จะเริ่มใช้ได้ทันทีตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. พอจะเอาเข้าจริงดันใช้ได้ปลายเดือน ต.ค. ก็เป็นอีกประเด็นที่ทำให้ผู้คนเริ่มไม่มั่นใจว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวตามแผนที่รัฐบาล “เสี่ยหนู” ตั้งเป้าไว้ ซึ่งนำไปสู่คำถามยอดฮิตในแวดวงการเงินว่า มีเงินไหม! ก็เป็นเรื่องที่ชวนให้ขบคิดเหมือนกัน แต่เมื่อดูจากการยืนยันหนักแน่นของคุณพี่ “เอกนิติ” ที่ย้ำว่า ทุกอย่างพร้อม ก็คงไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วล่ะค่ะ

เหมือนกับในรายของปูนใหญ่ SCC ซึ่งถูกขายในวันปิดงวดบัญชีอย่างชัดเจน จนหุ้นลงไปทำโลว์ที่ 226 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นเสมอตัวที่ 230 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 พันล้านบาท อาจเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงขึ้นมาทันที แต่ถ้าดูลักษณะการขึ้นของหุ้น และการย่ำฐานก่อนหน้านี้จะรู้ว่า นี่เป็นการขายทำกำไรธรรมดา ๆ เพราะภาพใหญ่ของหุ้นยังดูดี และยังมีเรื่องธุรกิจเริ่มฟื้นตัวเป็นแบ็กอัพแบบนี้..น่ากลัวจริงเหรอ?

คล้ายกับสถานการณ์ของพี่เทพ PTTEP ที่อ่อนตัวลงแรงในช่วง 1-2 วันนี้ อาจเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนที่ยังถือหุ้นอยู่ แต่ถ้าดูไซเคิลของหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า หุ้นขยับไปมาบนกรอบ 68-70 บาทโดยตลอด อีฉันเลยมองการยืนปิดที่ระดับ 115.50 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 2.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 7 เท่า และมี BV 131 บาท มันน่าซื้อสวนจริง ๆ นะนายจ๋า

ส่วนรายที่น่าเป็นห่วงจริง ๆ กลับกลายเป็นหุ้น AWC หลังโมเมนตัมของหุ้นโค้งตัวลงต่อเนื่อง แถมวานนี้โดนสาดหนักตลอดทั้งวัน จนลงมายืนปิดที่ระดับ 2.24 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 5.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 253 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะนักลงทุนสถาบันยังไม่เทใจให้กับหุ้นอสังหาฯ ทั้งที่ผลงานของอสังหาฯ รายนี้ก็ยังทำได้ดี จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกันว่า ทำไมเลิกเล่นเร็วจังเจ้าคะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นโรงหมออย่าง BDMS เป็นรายถัดมา เพราะนักเล่นรับรู้กันโดยทั่วไปว่า หน้าฝนและหน้าหนาวเป็นจังหวะที่โรงพยาบาลโกยเงิน แถมผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามารักษาก็เพิ่มขึ้น..เหตุไฉนหุ้นตัวนี้ถึงถูกมองข้าม และถูกเทขายบ่อยเหลือเกิน แต่โชคดีที่มีแรงรับหุ้นตรงบริเวณ 20 บาทเป็นประจำ อีฉันเลยไม่รู้ว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 20.50 บาท เหมาะที่จะทยอยเก็บหรือยังนะจ๊ะ

เม้าท์ถึงเรื่องหนักหน่วงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอปิดท้ายกันที่หุ้น VGI เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์หลายอย่างที่ไม่เป็นตามแผน มันสร้างผลกระทบที่รุนแรง และยาวนานเหลือเกิน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นทิ้งตัวลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.58 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 5.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 2 เดือนแบบนี้..หาทางกลับไม่เจอแล้วจ้า

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button