จับตา 88TH เทรดวันแรกเหนือจอง! โบรกเคาะเป้าสูงสุด 13 บาท ชี้กำไร 3 ปี โตเฉลี่ย 41%

88TH ลงสนามเทรด mai วันแรก จับตาราคาเปิดเหนือจอง หลัง 4 โบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมาย 10.00-13.00 บาท คาดกำไรเฉลี่ยปี 2568-2570 โต 41% จากความแข็งแกร่งของกลุ่ม Hair Care การรับรู้รายได้เต็มปีจาก LYO Herbal


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ต.ค. 68) หลักทรัพย์ของ บริษัท 88 (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “88TH”

สำหรับ 88TH มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 212.5 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 170 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 42.50 ล้านหุ้น โดยมีหุ้นจัดจำหน่ายรวม 59.50 ล้านหุ้น จากหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว และหุ้นเดิม 17 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้ลงทุนสถาบัน ไม่น้อยกว่า 48.875 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 6.375 ล้านหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย ไม่เกิน 4.25 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 25-29 กันยายน 2568 ในราคาหุ้นละ 5.45 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 324.28 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,158.12 ล้านบาท

ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 12.91  เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งเท่ากับ 89.72 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.42 บาท โดยมีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรกภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้จำนวนไม่เกิน 59.5 ล้านหุ้น จะมีจำนวนหุ้นภายหลังการจำหน่ายหุ้นทั้งสิ้น 212.5 ล้านหุ้น ประกอบด้วย 1.นายล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ ถือหุ้น 32.67% 2.Ilkano Pte. Ltd. ถือหุ้น 8% 3. นางสาวนพรัตน์ มาลัยวงค์ ถือหุ้น 8% 4. นายธีรภัทร์ อิศรภักดี ถือหุ้น 4.80% และลำดับ 5. นายธีรภพ อิศรภักดี ถือหุ้น 4.80%

นางสาวนพรัตน์ มาลัยวงค์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH  กล่าวว่า การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรกในวันที่ 3 ตุลาคม 2568 เป็นก้าวสำคัญของ 88TH ที่เกิดจากความพยายามและความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้บริษัทฯ สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้ง พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ทีมงานทุกภาคส่วน และบริษัทย่อย บริษัท ดีโอเค สกิน จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง แบบครบวงจร ภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้วยการวิจัยและพัฒนาคิดค้นสูตรเครื่องสำอางและนวัตกรรมใหม่ๆพร้อมกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในด้านการผลิตและควบคุมคุณภาพสินค้าของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เราสามารถรักษามาตรฐานที่สูงที่สุดเพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ส่งผลผู้บริโภคให้ความไว้วางใจสินค้าของเราตลอดมา มั่นใจว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และสร้างแบรนด์คนไทยที่มีเอกลักษณ์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

“บนเส้นทางการดำเนินธุรกิจกว่า 10 ปี ตอกย้ำถึงความสำเร็จจากความร่วมแรงร่วมใจ ความมุ่งมั่นและตั้งใจของทีม โดยการระดมทุนในครั้งนี้จะเพิ่มศักยภาพฐานทุน 88TH เพื่อเตรียมความพร้อมให้ก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำภายใต้แบรนด์ของคนไทยด้วยการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง ความพยายามเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและพาร์ทเนอร์ทุกภาคส่วน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง”นางสาวนพรัตน์กล่าว

นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนของ  “88TH” ในครั้งนี้ จะยิ่งเสริมสร้างมูลค่า ภาพลักษณ์ที่ดี และศักยภาพการเป็นผู้นำเทรนด์สินค้าด้านสุขภาพและความงามครบคลุมตั้งแต่เวลาตื่นจนนอน ผู้ถือหุ้นเดิมล็อกหุ้น 100% พร้อมทั้งแสดงเจตจำนงค์ในการลงทุนร่วมกันในระยะยาว

นางณัฐฐินี ชวนะนิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. 88 (ไทยแลนด์) (88TH) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ตามแผนในการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนใช้เป็นค่าใช้จ่ายการตลาด การประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ

88TH มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ นายล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ ถือหุ้น 32.67% Ilkano Pte. Ltd. ถือหุ้น 8.0% และนางสาวนพรัตน์ มาลัยวงค์ ถือหุ้น 8.0% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มรายได้ปี 2568-2570 เติบโตเฉลี่ย 29% CAGR และกำไรสุทธิปี 2568-2570 เติบโตเฉลี่ย 41% CAGR จากความแข็งแกร่งของกลุ่ม Hair Care การรับรู้รายได้เต็มปีจาก LYO Herbal และการออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม Skincare และ Cosmetics

โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 10 บาท แม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่ง แต่สะท้อนศักยภาพการเติบโตและความแข็งแรงของแบรนด์ ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงและแบรนด์ชั้นนา 88TH อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสาหรับการเติบโตระยะยาวในตลาดสุขภาพและและความงามของไทย

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ LYO ถือเป็นเสาหลักของบริษัท ซึ่งได้ขยายจากกลุ่ม Anti-Hair Loss ไปสู่ผลิตภัณฑ์ Hair Color และ Herbal โดยคาดว่าจะเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของรายได้และกำไรในช่วงปี 2568–2570 และช่วยเสริมสร้างฐานธุรกิจที่แข็งแรงในระยะยาว

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด หรือ SBITO แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2569 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมประเมินราคาเหมาะสมปี 69 อยู่ที่ 13.00 บาท

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD คาดกำไรสุทธิปี 2568-2570 เติบโตเฉลี่ยปีละ 40% CAGR โดยใน 3 ปีข้างหน้า ปี 2568 มีกำไรอยู่ที่ 94 ล้านบาท ถัดมาในปี 2569 มีกำไรอยู่ที่ 124 ล้านบาท และในปี 2570 มีกำไรอยู่ที่ 153 ล้านบาท

โดยประเมินราคาเหมาะสมของ 88TH อยู่ที่ราคา 11.70 บาท จากการขยายตลาดไปยังฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับเส้นผม โดยมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งอย่าง LYO ที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมช่วยสนับสนุน

ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์ เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุว่า บริษัทวางแผนกลยุทธ์การเติบโตใหม่ คาดการณ์ในช่วงปี 2567-2570 อัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย (CAGR) อยู่ที่ 27% และกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 42%

โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรหลักของ 88TH ประกอบด้วย การยกระดับสายผลิตภัณฑ์เดิม การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และการลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ทั้งนี้ ประเมินมูลค่า 88TH ให้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 10.10 บาท

Back to top button