
VIH ไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 36% แตะ 127 ล้านบาท รับรายได้โรงพยาบาลโต
VIH รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 กวาดรายได้รวม 835 ล้านบาท โต 12.11% หนุนกำไรสุทธิพุ่ง 127 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.99% รับแรงหนุนรายได้โรงพยาบาลเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพรักษาและนำเทคโนโลยี AI เสริมการวินิจฉัย
ผศ.พญ.สายสุณี วนดุรงค์วรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ VIH เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 835.14 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.11% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่ 825.95 ล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 12.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 127.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 36.99% สะท้อนจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 15.29% จาก 12.52% ในปีก่อน สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2568 มีรายได้รวม 2,284.71 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.36% โดยรายได้จากกิจการโรงพยาบาล ซึ่งเป็นรายได้หลัก เติบโต 8.34% มาอยู่ที่ 2,251.23 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 323.65 ล้านบาท เติบโต 33.02% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 243.20 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้สำคัญจากกลุ่มลูกค้าทั่วไป (Non-Capitation) คิดเป็นสัดส่วน 79% ของรายได้รวม ซึ่งประกอบด้วย รายได้จากกลุ่มลูกค้าเงินสดและประกันชีวิต 49% รายได้จากบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ 18% และรายได้จากศูนย์หัวใจวิชัยเวชฯ 12% และกลุ่มลูกค้าโครงการภาครัฐ (Capitation) ซึ่งมีสัดส่วน 21% ของรายได้รวม โดยทั้งหมดเป็นรายได้ที่มาจากโครงการประกันสังคม ซึ่งการเติบโตนี้มีปัจจัยหลักจากศักยภาพในการรักษาโรคซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น มุ่งเน้นสร้างทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งการขยายพื้นที่ให้บริการ ตลอดจนกลยุทธ์การกำหนดราคาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดผู้รับบริการทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
“ในปี 2568 ธุรกิจของเรายังคงเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น และการแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน เรายังต้องบริหารจัดการต้นทุน คุณภาพการรักษา มาตรฐานการแพทย์ บนปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อรักษากลุ่มคนไข้เดิมและขยายกลุ่มคนไข้ใหม่ ซึ่งกลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงเดินหน้าเชิงรุกด้วยการยกระดับคุณภาพบริการและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุน
พร้อมทั้งก้าวสู่การใช้เทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ AI ผ่านความร่วมมือกับ V5MED ในการนำ Software V5 Lung AI มาใช้ในการตรวจวินิจฉัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาให้เทียบเท่าสากลและเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว” ผศ.พญ.สายสุณี กล่าว

