“ดาวโจนส์” ปิดบวก 239 จุด นักลงทุนเก็งเฟดลดดอกเบี้ยเพิ่ม

ดาวโจนส์ปิดบวก 238.56 จุด ทำสถิตินิวไฮครั้งใหม่ จากแรงหนุนความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยเพิ่ม หลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐอ่อนแอ อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจับตาความยืดเยื้อของชัตดาวน์รัฐบาลที่อาจเพิ่มความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ต.ค.68) ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันศุกร์ (3 ต.ค.68) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้การปิดทำการหรือการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่สาม

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,758.28 จุด เพิ่มขึ้น 238.56 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,715.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด หรือ +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,780.51 จุด ลดลง 63.54 จุด หรือ -0.28%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.1%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.1% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.3%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยหุ้น Applied Materials ร่วงลง 2.7% หลังบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รายนี้คาดการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า รายได้ในปีงบประมาณ 2569 จะได้รับผลกระทบ 600 ล้านดอลลาร์

หุ้น Tesla ลดลง 1.4% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคบวกขึ้น 1.2% นำการปรับตัวขึ้นในบรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมของดัชนี S&P500

ในส่วนของรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ประจำเดือน ก.ย. ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์นั้นไม่ได้ถูกประกาศออกมา เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล แต่บรรดานักลงทุนยังสามารถประเมินข้อมูลจากการสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ที่ชี้ว่า ดัชนีการจ้างงานภาคบริการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งตอกย้ำแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าตลาดอยู่ฝั่งเดียวกับนักลงทุน ความน่าจะเป็นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยจริง ๆ เพิ่มขึ้นตั้งแต่การปิดหน่วยงานรัฐเริ่มต้นขึ้น อาจเป็นเพราะผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หรือข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ รวมถึงข้อมูล ISM ที่ออกมาในเช้าวันศุกร์ ซึ่งทั้งหมดสะท้อนความคาดหวังว่า เฟดจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ย

โดยเฟดปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. 2568 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2567 หลังตลาดแรงงานอ่อนแอ โดยเมื่อวันพุธ รายงานบ่งชี้ว่า การจ้างงานภาคเอกชนลดลง 32,000 ตำแหน่ง และมีการปรับตัวเลขเดือนส.ค.เป็นลดลง 3,000 ตำแหน่ง

อีกทั้งตลาดมักไม่ค่อยสนใจกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ แต่บรรดานักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า หากยืดเยื้อ อาจสร้างความไม่แน่นอนมากขึ้นต่อนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายของเฟด

ด้านนักวิเคราะห์อีกรายกล่าวว่า ตลาดโดยทั่วไปมองข้ามการปิดหน่วยงานรัฐบาล เพราะมักไม่กินเวลานานและไม่ส่งผลลบระยะยาวต่อเศรษฐกิจ แต่หากยืดเยื้อ ก็หมายความว่าการเก็บข้อมูลสำหรับรายงานสำคัญอาจล่าช้า หรือข้อมูลที่ได้ในที่สุดอาจไม่ครบถ้วนเพราะขาดการเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

นายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า ยังลังเลที่จะให้คำมั่นต่อการปรับลดดอกเบี้ยหลายครั้ง เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่เหนือระดับเป้าหมาย

ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group นักลงทุนมองว่า การปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค.ของ เฟดแทบจะเป็นสิ่งที่แน่นอนแล้ว และยังให้น้ำหนัก 84% ว่าจะมีการปรับลดเพิ่มเติมอีกในเดือนธ.ค.

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้น USA Rare Earth พุ่งขึ้น 14.3% หลัง บาร์บารา ฮัมป์ตัน ซีอีโอกล่าวกับ CNBC ว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการติดต่อใกล้ชิดกับทำเนียบขาว

Back to top button