TISA ทางเลือกลงทุนประหยัดภาษี.!

หนึ่งในไฮไลต์จาก 4 ชุด “มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย” ที่มี 4 หน่วยงาน นั่งร่วมตั้งโต๊ะแถลงข่าว.! ทั้ง สศค., ก.ล.ต., ตลท. และ FETCO


หนึ่งในไฮไลต์จาก 4 ชุด “มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย” ที่มี 4 หน่วยงาน นั่งร่วมตั้งโต๊ะแถลงข่าว.! ทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)

นั่นคือ Quality Demand ว่าด้วยการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาว ผ่านบัญชีลงทุนส่วนบุคคล (Individual Investment Account) เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนเงินออมเป็นเงินลงทุนระยะยาวและกระจายการลงทุนสินทรัพย์ที่หลากหลาย มีการขยายฐานผู้ลงทุนกลุ่มใหม่ เพิ่มการให้บริการการลงทุนตลาดหุ้นและผลิตภัณฑ์จากบริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงสร้างศูนย์รวมข้อมูลพอร์ตผู้ลงทุน (Wealth Aggregator) และส่งเสริมบทบาทผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนไทย

ทำให้นึกถึงข้อเสนอเรื่อง TISA เครื่องมือการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมา เพื่อจูงใจให้ประชาชนออมเงินผ่านการลงทุนตลาดหุ้นไทย ด้วยการให้สิทธิลดหย่อนภาษี เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและความน่าสนใจต่อตลาดหุ้นไทย

 สำหรับ TISA หรือ Thailand Individual Savings Account เป็นบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น เปิดให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้สิทธิลดหย่อนภาษี เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนลงทุนหุ้นไทยมากขึ้น

มีข้อกำหนดและสิทธิประโยชน์เฉพาะ เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมการออมระยะยาว คล้ายคลึงหรือถอดแบบมาจาก NISA (Nippon Individual Savings Account) มาตรการของญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันกำหนดให้เป็นสิทธิลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลประจำปีแบบถาวร คล้ายกับค่าลดหย่อนภาษีการมีบุตรของไทย

สำหรับโมเดลลงทุน NISA คือโครงการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น มีเป้าหมายกระตุ้นให้ประชาชนญี่ปุ่นประหยัดและลงทุนสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น, พันธบัตร, กองทุนรวม (Mutual funds) โดยไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในบัญชี NISA มี 2 รูปแบบ

NISA แบบทั่วไป ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปสามารถลงทุนได้สูงสุด 1.2 ล้านเยนต่อปีกำไรจากการลงทุน (เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือกำไรจากการขาย) จะได้รับการยกเว้นภาษีในระยะเวลา 5 ปี วงเงินลงทุนสะสม 18 ล้านเยน

NISA แบบสะสม มีเป้าหมายสำหรับการลงทุนระยะยาว เหมาะสำหรับลงทุนกองทุนรวมหรือผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว สามารถลงทุนได้สูงสุด 40,000 เยนต่อเดือน (หรือ 480,000 เยนต่อปี) วงเงินลงทุนสะสม 6 ล้านเยน กำไรจากการลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีในระยะเวลา 20 ปี

ส่วนเงื่อนไขรายละเอียดของ TISA อาทิ วงเงินและระยะเวลาการลดหย่อนภาษี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่าง การศึกษา เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยภาคเอกชน มีข้อเสนอว่ารัฐควรให้สิทธิลดหย่อนภาษีวงเงิน 500,000-1,000,000 บาทต่อราย เพื่อจูงใจนักลงทุน ภายใต้เงื่อนไขเบื้องต้น..

“ผู้มีสิทธิเปิดบัญชี TISA ต้องเป็นบุคคลธรรมดา ที่มีถิ่นฐานที่อยู่ในประเทศไทย, สามารถเปิดบัญชี TISA ได้เพียง 1 บัญชีต่อคนเท่านั้น, ต้องลงทุนในหุ้นไทยตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด และเงินที่นำลงทุนผ่าน TISA ต้องถือครองตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อคงสิทธิลดหย่อนภาษี”

บทสรุปของ TISA ว่าจะเดินหน้าต่อได้มากน้อยแค่ไหน..ขึ้นอยู่กับว่า “นาวารัฐบาลอนุทิน” จะเร่งผลักดันมากน้อยเพียงใด..แต่หากทำได้เชื่อว่าจะได้คะแนนเสียง “คนตลาดทุน” มากโขเลยทีเดียว..!??

Back to top button