
หุ้นอิเล็ก กระต่ายตื่นตูม.!?
เกิดปรากฏการณ์อุปทานหมู่ในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากความเคลื่อนไหวของยักษ์เทคโลก ทั้ง Nvidia, OpenAI, AMD และ Intel ที่จับมือไขว้กันไปมา
เกิดปรากฏการณ์อุปทานหมู่ในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากความเคลื่อนไหวของยักษ์เทคโลก ทั้ง Nvidia, OpenAI, AMD และ Intel ที่จับมือไขว้กันไปมา ซึ่งมีดีลเกิดขึ้นถี่ ๆ ในช่วงนี้…ด้วยมูลค่าการลงทุนมหาศาล บางดีลหลายหมื่นหลายล้านดอลลาร์ ในขณะที่บางดีลแตะแสนล้านดอลลาร์ ทำให้หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ในบ้านเรากลัวจะตกขบวน…พลอยโหนกระแสไปกะเค้าด้วย
นำโดยพี่ใหญ่บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE และบริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET
เห็นได้ชัดจากราคาหุ้นในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาวิ่งคึกเป็นม้าศึก โดย DELTA ซึ่งเป็นเดอะแบกของตลาดหุ้นไทยราคาปรับขึ้นไปแล้ว 13.99% ตามด้วย HANA ราคาปรับขึ้นไป 7.56% ส่วน KCE ราคาปรับขึ้นไป 10.13% และ CCET ราคาปรับขึ้นไป 11.43%
ส่วนวานนี้ (8 ต.ค. 2568) ที่เห็นหุ้นบางตัวราคาปรับลดลง ก็เป็นการขายทำกำไรแหละ หลังจากราคาปรับขึ้นไปเยอะแล้ว
งั้นไปสแกนดูความสัมพันธ์โดยตรงกันหน่อยดีกว่าว่า หุ้นอิเล็กฯ ในบ้านเราจะได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของยักษ์เทคโลกจริงอ๊ะป่าว..?? หรือแค่มโนกันไปเอง…
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์บ้านเราเป็นยุคเก่า เลยยังไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์จากชิป AI หรือดาต้าเซ็นเตอร์มากเท่าใด จะมีก็แค่ DELTA กับ HANA ซึ่งมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับ AI อยู่บ้าง อย่างกรณี DELTA ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่จะเป็น Delta Taiwan เสียมากกว่า
ส่วนค่ายอื่น ๆ ที่ทำอยู่ยังเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยุคเก่า เช่น แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องพิมพ์ แผงวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ โทรคมนาคม ก็ไม่น่าจะได้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว…ว่ามั้ย..!!
หันกลับมาดูปัจจัยพื้นฐานของแต่ละตัว เริ่มที่ DELTA ซึ่งกำไรยังเป็นขาขึ้น โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 10,117 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 10,872 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 44,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 41,772 ล้านบาท
แต่ถ้าเหลือบไปดู P/E โอ้มายก๊อดปาไป 130 เท่าแล้วนะ นั่นหมายความว่าตลาดกำลังคาดหวังการเติบโตที่สูงปรี๊ดดดในอนาคต
ในขณะที่ HANA ไม่มี P/E เพราะงบปี 2567 พลิกมาขาดทุน 634 ล้านบาท จากรายได้รวม 25,443 ล้านบาท ส่วนงบงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 512 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 689 ล้านบาท
ฟาก KCE ก็ไม่น้อยหน้า P/E ปาไป 32 เท่า ซึ่งสูงกว่า P/E ตลาดโดยรวมสองเท่าเลยทีเดียว โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 411 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,150 ล้านบาท
ด้าน CCET ปัจจุบัน P/E อยู่ที่ 26.91 เท่า ก็สูงกว่าตลาดโดยรวมเช่นกัน โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1,087 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,301 ล้านบาท
โอเค…อีกปัจจัยที่ทำให้ราคาวิ่งคึกมาจากปัจจัยบวกเฉพาะตัวของแต่ละบริษัท อันนี้ไม่เถียง อย่าง DELTA มีเรื่องของงบที่ถูกมองว่าจะเติบโตก้าวกระโดดหนุน ส่วน HANA เก็งกันว่ามีโอกาสได้งานชิปจากลูกค้ามากสุด ด้าน KCE ผู้ถือหุ้นใหญ่ดอดเก็บหุ้นเพิ่ม 2 ล้านหุ้นที่ราคาหุ้นละ 23.50 บาท รวมมูลค่า 47 ล้านบาท
ขณะที่ CCET รายงานยอดขายเดือน ก.ย. 2568 ฟื้นตัว 100% จากเดือนก่อน และกลับมาเติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการฟื้นตัวหลังสงครามการค้าชัดเจน
แต่ราคามันขึ้นแรงงส์ไปป๊ะเนี่ย..?? อันนี้น่าคิด
เหมือนเป็นปรากฏการณ์ตื่นตูม ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ของหุ้นไทยแหละ…
แต่ระวังตื่นตูมกันมาก ๆ จะไปนอนหนาวเหน็บบนยอดดอยสูง ไม่รู้ด้วยนะ
เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน..!!
…อิ อิ อิ…