ครม.เศรษฐกิจ ไฟเขียว 3 มาตรการฟื้นท่องเที่ยว ลดหย่อนภาษีสูงสุด 2 หมื่นบาท

ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบแพ็กเกจฟื้นท่องเที่ยวไทย 3 มาตรการ ทั้งลดหย่อนภาษี–เร่งรัดงบรัฐ–หนุนโรงแรมเมืองรอง ชงเข้าครม.ชุดใหญ่สัปดาห์หน้า “เอกนิติ” ชี้งบเหลื่อมปีสูงสุดกว่า 3 แสนล้าน เร่งใช้เงินเก่ากระตุ้นเศรษฐกิจ หวังดันจีดีพีปลายปีโต 0.4%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ต.ค.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 (ครม.เศรษฐกิจ) ที่ห้องประชุม CB 406 อาคารรัฐสภา โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนเข้าร่วม

ภายหลังการประชุม นายเอกนิติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวม 3 มาตรการหลัก เพื่อฟื้นกำลังซื้อและกระจายรายได้สู่ภูมิภาค ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า

  1. มาตรการทางภาษี ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีประชาชนสูงสุดคนละ 20,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวภายในประเทศ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม –15 ธันวาคม 2568 โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับการท่องเที่ยวเมืองหลัก 1 เท่า และเมืองรองให้สิทธิลดหย่อนได้ 1.5 เท่า เช่น หากใช้จ่ายในเมืองรอง 10,000 บาท สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท

นอกจากนี้ ภาคเอกชนโดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย ได้เสนอให้บริษัทนิติบุคคลสามารถนำค่าใช้จ่ายในการพาพนักงานท่องเที่ยวในประเทศมาหักลดหย่อนภาษีได้ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ต่อไป

  1. โครงการเร่งรัดการจัดประชุมสัมมนาของภาครัฐ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่งบใหม่ โดยส่วนราชการมีงบประมาณ 3,000 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจ 3,000 ล้านบาท และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็มีงบในลักษณะเดียวกัน ให้เบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 60% ของงบฝึกอบรมสัมมนา ภายในเดือนมกราคม 2569 จากเดิมที่มักใช้จ่ายในไตรมาส 3–4 เพื่อให้เกิดผลต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ
  2. มาตรการสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมและที่พัก ให้สิทธิ์หักค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงแรมได้ 2 เท่า โดยเฉพาะโรงแรมในเมืองรอง สามารถใช้สิทธิ์ได้ถึงเดือนมีนาคม 2569 เช่น การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ระบบโซลาร์เซลล์ หรือบ่อบำบัดน้ำเสีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและลดต้นทุนอย่างยั่งยืน

นายเอกนิติ กล่าวว่า “สถานการณ์เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวฟุบมาก 8 เดือนที่ผ่านมา การใช้จ่ายในประเทศติดลบไปประมาณ 8% ดังนั้นเราต้องฟื้นการท่องเที่ยวไทยจากหล่ม”

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เช่น การลดภาษีสถานบริการจาก 10% เหลือ 5% โดยกรมสรรพสามิต จะประสานกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสถานบริการ และนำผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบถ้วน

ขณะเดียวกัน นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกเรื่องที่เข้าสู่การประชุม คือ รายงานของอธิบดีกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับการเร่งรัดการเบิกจ่ายภาครัฐ โดยปีงบประมาณที่ผ่านมา มีงบเหลือจ่ายที่เบิกไม่หมดและขอกันเหลื่อมปีสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 300,000 ล้านบาท งบลงทุนเบิกจ่ายได้เพียงกว่า 60% แต่ข้อดีส่วนที่เป็นงบเหลื่อมปีดังกล่าวจะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ จึงกำหนดให้ถ้ามี TOR แล้ว ต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2569 หรือภายในเดือนมีนาคม 2569 เพื่อให้เงินเก่าถูกนำกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้หารือการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 วงเงินรวมกว่า 3.78 ล้านล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้าเบิกจ่ายต้องไม่ต่ำกว่า 93% และงบลงทุน 75% พร้อมกำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ของหัวหน้าส่วนราชการ โดยเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะติดตามผลเป็นรายเดือน และรายงานนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังรับทราบความคืบหน้าโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้ว พร้อมมอบหมายให้กระทรวงด้านเศรษฐกิจเร่งเดินหน้าแผน “Quick Big Win” โดยจะนำความคืบหน้ามาหารือในที่ประชุมทุกสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม นายเอกนิติ ตอบคำถามสื่อมวลชนภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้ยังไม่มีการหารือเรื่องการยึดบิตคอยน์หรือคริปโทเคอร์เรนซีแต่อย่างใด

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า มาตรการเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้คาดจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4% โดยยังไม่รวมผลจากมาตรการสินเชื่อ ที่จะออกเพิ่มเติมในระยะถัดไป

Back to top button