โบรกชี้กลุ่ม “ไฟแนนซ์” ฟื้น จับตา MTC-TIDLOR โชว์กำไร Q3 นิวไฮ

“บล.ทิสโก้” ประเมินธุรกิจบัตรเครดิตยังโตจำกัดแต่กำไรมั่นคง ด้านกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถนำโดย MTC และ TIDLOR คาดทำกำไรสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/68 หนุนจากพอร์ตสินเชื่อขยายตัว-ต้นทุนลด ขณะบรรยากาศดอกเบี้ยขาลงเอื้อการเติบโตในปี 69 ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MTC และ TIDLOR ปรับราคาเป้าหมายเหมาะสมที่ 55 บาท และ 25 บาท ตามลำดับ


บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตยังคงเผชิญปัญหาการเติบโตของรายได้ แม้สามารถรักษาระดับกำไรได้อย่างมั่นคง โดยบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS รายงานผลประกอบการรายไตรมาส พร้อมเพิ่มวงเงินสำรองเพื่อสะท้อนถึงความรอบคอบในการบริหารความเสี่ยง ผู้บริหารเปิดเผยว่าหลังจากใช้เวลาหลายไตรมาสในการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อให้เหมาะสม บริษัทเตรียมผ่อนคลายมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงวางแผนกลับมาดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอีกครั้ง เพื่อคว้าโอกาสจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน คาดว่าผลประกอบการของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน จะยังคงมีกำไรที่มั่นคง และมียอดสินเชื่อเติบโตดีขึ้นในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลใช้จ่ายสูง ทั้งนี้ จากการที่ทั้ง AEONTS และ KTC ลดการขยายสินเชื่อมาต่อเนื่องหลายไตรมาส จึงคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์อาจอ่อนตัวลงบ้างในระยะสั้น

ทั้งนี้ในฝั่งของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น โดยคาดว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีกำไรเพิ่มขึ้นสองหลักเมื่อเทียบกับปีก่อนในไตรมาส 3/2568 โดยบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC มีแนวโน้มทำกำไรสูงสุดใหม่ เพิ่มขึ้น 13.8% จากปีก่อนหน้า และ 3.0% จากไตรมาสก่อน สู่ระดับ 1.7 พันล้านบาท จากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ 13.0% จากปีก่อน และ 3.0% จากไตรมาสก่อน รวมเป็น 1.8 แสนล้านบาท

ส่วนบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน ทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน หนุนจากฐานต้นทุนสินเชื่อที่สูงในปีก่อน ขณะที่บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD แม้ทำกำไรไตรมาสล่าสุดที่ 1.27 พันล้านบาท ยังไม่สามารถไล่ตามคู่แข่งได้เต็มที่ โดยกำไรที่มีอยู่ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น

โดยต้นทุนทางการเงินของกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2568 ส่งผลให้กำไรเติบโตแข็งแกร่งตลอดหลายไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การขยายรายได้เพิ่มเติมทั้งจากสินเชื่อและธุรกิจประกันภัยยังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาการเติบโตของกำไรในระดับสองหลัก (Double Digit) ในปี 2569

ปัจจัยสนับสนุนสำคัญในระยะต่อไป ได้แก่ แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ราคายานยนต์มือสองที่ปรับดีขึ้น และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น โดย MTC และ TIDLOR ถูกมองว่าอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบจากขนาดพอร์ตสินเชื่อและกลยุทธ์การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินมูลค่าหุ้นปี 2569 (2026F) MTC ซื้อขายที่ค่า PER 11.4 เท่า คาดกำไรต่อหุ้นเติบโต 13.9% ส่วน TIDLOR ซื้อขายที่ PER 10.9 เท่า คาดกำไรต่อหุ้นเติบโต 11.8% ขณะที่ KTC ซื้อขายที่ 9.9 เท่า เติบโต 4.5% ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MTC และ TIDLOR โดยปรับราคาเป้าหมายเหมาะสมที่ 55.00 บาท และ 25.00 บาท ตามลำดับ

Back to top button