เกมพลิก! สภาโหวตใหม่ “ขานชื่อ” ดันร่างแก้ รธน. “ประชาชน” เฉือน “ภูมิใจไทย” เป็นร่างหลัก

ศึกชิง “ร่างหลัก” แก้รัฐธรรมนูญเดือด! หลังประชุมร่วมรัฐสภา 2 วันเต็ม โหวตรอบสอง “พรรคประชาชน” เฉือน “พรรคภูมิใจไทย” 13 คะแนน ได้แรงหนุนจากเพื่อไทย หลังร่างถูก สว. คว่ำ ขึ้นแท่น “ร่างหลัก” กมธ. วิสามัญ เดินหน้าวาระ 2–3


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ต.ค.68) การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. ซึ่งเสนอโดย 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน (นำโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ) พรรคภูมิใจไทย (นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล) และพรรคเพื่อไทย (นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล) ภายหลังเปิดให้อภิปรายอย่างกว้างขวาง ระหว่างวันที่ 14–15 ตุลาคม 2568

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยผลการลงมติของร่างทั้ง 3 ฉบับ ดังนี้

– ร่างของพรรคประชาชน ได้รับเสียงเห็นชอบ 568 เสียง โดยมี สว. เห็นชอบ 108 เสียง ถือว่าผ่านเกณฑ์เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา และมี สว. เห็นชอบเกินหนึ่งในสาม จึงถือว่ารับหลักการ
– ร่างของพรรคภูมิใจไทย ได้รับเสียงเห็นชอบรวม 629 เสียง รวมถึง สว. 167 เสียง ผ่านการรับหลักการเช่นกัน
– ร่างของพรรคเพื่อไทย ได้รับเสียงเห็นชอบรวม 521 เสียง แต่มี สว. เห็นชอบเพียง 60 เสียง ไม่ถึงเกณฑ์หนึ่งในสามของจำนวน สว. ทั้งหมด (66 เสียง) จึงไม่ผ่านการรับหลักการในวาระแรก

นายชูศักดิ์ แถลงข่าวหลังร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยไม่ผ่านขั้นรับหลักการว่า พรรคเพื่อไทย มีมติสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน ที่มีความคล้ายคลึงกันมากที่สุด เพราะที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มีการยึดโยงกับประชาชนมากกว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย

ภายหลังการลงมติ ที่ประชุมมีมติจัดตั้ง คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ 43 คน เพื่อพิจารณารายละเอียดของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน เพื่อรวมร่างและปรับรายละเอียดให้เป็นฉบับเดียว ก่อนเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป

องค์ประกอบของ กมธ. ประกอบด้วย สว. 12 คน และ สส. 31 คน โดยมีสัดส่วนจากแต่ละพรรค ดังนี้ พรรคประชาชน 9 คน พรรคเพื่อไทย 9 คน พรรคภูมิใจไทย 4 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม และพรรคประชาธิปัตย์ พรรคละ 2 คน พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ พรรคละ 1 คน

จากนั้น ที่ประชุมลงคะแนนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรลงคะแนน) ให้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็น “ร่างหลัก” ในการพิจารณาของ กมธ. โดยได้เสียงเห็นชอบ 297 เสียง เฉือนร่างของพรรคประชาชน ซึ่งได้เสียงเห็นชอบน้อยกว่าเพียง 5 เสียง

อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอให้ลงมติใหม่แบบขานชื่อรายบุคคล เนื่องจากผลคะแนนใกล้เคียงกันเกินไป นายวันมูหะมัดนอร์ จึงให้เปิดการลงคะแนนอีกครั้ง

ผลการลงมติรอบสอง ปรากฏว่า ร่างของพรรคประชาชน ได้รับเสียงเห็นชอบ 300 เสียง ส่วนร่างของพรรคภูมิใจไทย ได้ 287 เสียง ห่างกัน 13 คะแนน ที่ประชุมมีมติให้ร่างของพรรคประชาชนเป็น ร่างหลัก สำหรับการพิจารณาในวาระที่ 2 ต่อไป

สรุปโมเดล “สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)” ที่พรรคประชาชนเสนอ ผู้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มี 2 ส่วนหลัก คือ

1. คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน คัดเลือก 2 ขั้นตอน

– ขั้นแรก ประชาชนออกเสียงเลือกผู้ผ่านเข้ารอบ 70 คน
– ขั้นต่อมา รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน (สัดส่วนผู้ได้รับเลือกมาจากจำนวน สส. และ สว. ที่มีอยู่)

2. สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ 100 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

– แต่ละจังหวัด (รวม กทม.) มีสมาชิกอย่างน้อย 1 คน และไม่เกิน 5 คน ตามสัดส่วนประชากร

– หน้าที่หลักคือ รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ เพื่อเสนอให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ

– มีสิทธิแจ้งความคิดเห็นต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

– ไม่มีอำนาจจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยตรง

อ่านสรุปสาระสำคัญ ร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 พรรคการเมือง คลิกที่นี่

Back to top button