
กกพ. เร่งเครื่อง “Quick Big Win” ดัน ”โซลาร์ฟาร์ม” กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน
“กกพ.” เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “Quick Big Win” ของกระทรวงพลังงาน เร่งผลักดันโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน เพื่อสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ ลดต้นทุนค่าไฟ และหนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. พร้อมสนับสนุนและเร่งรัดการดำเนินงานตามโครงการ “Quick Big Win” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนภารกิจสำคัญและโครงการเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
โดยมุ่งให้ภาคพลังงานเป็นกลไกหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและการลงทุน ดึงดูดการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในระดับชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างการจ้างงาน และความยั่งยืนให้กับระบบพลังงานของประเทศในระยะยาว
“การพัฒนาภาคพลังงานถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว กกพ. พร้อมหนุนเสริมทุกนโยบายและมาตรการของรัฐบาลภายในกรอบเวลาที่จำกัดเพียง 4 เดือน โดยมั่นใจว่าทุกภารกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กกพ. จะมีความชัดเจนก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน”
ดร.พูลพัฒน์ กล่าวภายหลังให้การต้อนรับและประชุมร่วมกับ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะผู้บริหาร ซึ่งได้ให้เกียรติเดินทางมายังสำนักงาน กกพ. เพื่อหารือแนวทาง การทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพลังงานและ กกพ. เพื่อเร่งรัดภารกิจด้านพลังงานให้สอดคล้องกับทิศทางของรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ในการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกับ กกพ. ได้หารือแนวทางความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านพลังงานตามโครงการ “Quick Big Win” ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงาน กกพ. ได้แก่
1.) โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน มีเป้าหมายกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ มุ่งสร้างรายได้และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระดับชุมชน โดยสำนักงาน กกพ. รับผิดชอบในการจัดทำระเบียบ ประกาศหลักเกณฑ์ และวิธีการรับซื้อไฟฟ้า เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามที่นโยบายกำหนด
2.) มาตรการ Direct PPA สำหรับ Data Center กกพ. ได้นำเสนอ ร่างหลักเกณฑ์โครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) สำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center)
รวมถึง ร่างข้อกำหนดการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Code: TPA Code) นำไปรับฟังความคิดเห็นจาก ผู้มีส่วนได้เสียผ่านช่องทางเว็บไซต์สำนักงาน เมื่อวันที่ 3 – 10 ตุลาคม 2568 แล้ว โดยจะเร่งสรุปร่างหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการ TPA เสนอต่อกระทรวงพลังงานเพื่อพิจารณา และนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ภายในพฤศจิกายน 2568
3.) โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร ดำเนินการโดยขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ภายใต้การกำกับของ กกพ. มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ของเกษตรกร และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
พร้อมกันนี้ สำนักงาน กกพ. ยังได้เสนอประเด็น เรื่องเร่งด่วน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพิจารณา ได้แก่ 1.) แนวทางการดูแลค่าไฟฟ้า มุ่งสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า ควบคู่กับการ ดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าให้ได้รับค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม เป็นธรรม และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง 2.) การคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาและกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อให้การบริหารงานของ กกพ. ดำเนินต่อเนื่อง โดยเสนอให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการสรรหาและกรรมการชุดใหม่ จำนวน 4 คน ในกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม
3.) โครงการสร้างพื้นฐานในกิจการก๊าซธรรมชาติไม่เพียงพอ (LNG tank and Loading Arm) ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติ เช่น ถังเก็บ LNG และระบบขนถ่าย (Loading Arm) ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ กกพ. จึงต้องพิจารณาแนวทางพัฒนาและกำกับโครงสร้างพื้นฐาน LNG ให้เพียงพอและมั่นคง รองรับความต้องการพลังงานในอนาคต
4.) แนวทางการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองในภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถลงทุนผลิตไฟฟ้า เพื่อใช้ภายในกิจการของตนเอง โดยมุ่งลดต้นทุนพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ทั้งนี้ การดำเนินงานอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และกรอบกำกับของสำนักงาน กกพ. เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่น
5.) การอนุมัติแผนการดำเนินงานและแผนงบประมาณประจำปี 2569 ของสำนักงาน กกพ. ดร.พูลพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างการหารือ กกพ. ได้รายงานสถานการณ์การผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย และราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าอยู่ในทิศทางที่ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในช่วงต้นปีหน้าได้อย่างมีนัยสำคัญ หากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายควบคู่กับความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงยังอยู่ในแนวโน้มขาลง ก็จะส่งผลดีต่อแนวโน้มค่าไฟของประเทศในระยะยาว
อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยชำระคืน ภาระต้นทุนคงค้าง (AF) ที่ กฟผ. รับภาระค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าแทนประชาชนในช่วงวิกฤตพลังงานซึ่งคงค้างอยู่ประมาณ 66,000 ล้านบาท และ ภาระค่า AF Gas ที่ค้างอยู่ระหว่าง ปตท. และ กฟผ. อีกประมาณ 15,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568) เพื่อให้สามารถดำเนินการชำระคืนได้หมดโดยเร็ว สร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับระบบพลังงานของประเทศในระยะยาว