ช่วงสั้นคาด SET ผันผวน ติดตามสงครามการค้าจีน-สหรัฐ

ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีขึ้นอีกครั้ง หลังจีนประกาศขยายการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน 100%


ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีขึ้นอีกครั้ง หลังจีนประกาศขยายการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน 100% มีผลวันที่ 1 พ.ย. หากสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนถึงเส้นตาย ทั้งนี้ InnovestX มองว่า หากการเจรจาล้มเหลวและต้องขึ้นภาษีจริง จะทำให้ปี 2569 GDP สหรัฐฯ อาจขยายตัวเพียง 0.9% จากเดิมที่เคยคาด 1.4% ส่วนของจีนอาจขยายตัวเพียง 3.8% จากเดิมที่เคยคาด 4.0% อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเตรียมเจรจากันในช่วงก่อนประชุม APEC ปลายเดือน ต.ค. นี้

เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณชะลอลงต่อเนื่อง โดยเดือน ก.ย. ยอดสินเชื่อเงินหยวนชะลอลงเป็น 6.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (vs. 6.6% YoY เดือน ส.ค.) โดยสินเชื่อภาคครัวเรือนขยายตัวเพียง 3.89 แสนล้านหยวน (vs. 5.0 แสนล้านหยวนปีก่อน) และสินเชื่อธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 1.22 ล้านล้านหยวน (vs. 1.49 ล้านล้านหยวนปีก่อน) แม้จะมีมาตรการสนับสนุนดอกเบี้ยกู้เพื่อผู้บริโภคในเดือน ก.ย. แล้วก็ตาม แต่โมเมนตัมทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนแรงต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเศรษฐกิจจีนยังเผชิญแรงกดดันภายนอกจากความเสี่ยงการขู่ขึ้นภาษี 100% ของสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากการส่งออกแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น (resilience) บ้าง แต่ยังเผชิญกับดักสภาพคล่องต่อเนื่อง และต้องพึ่งพาแรงหนุนจากนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมาย GDP ราว 5% ของทางการจีนในปีนี้

สำหรับตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนสูงในกรอบ 1,270-1,320 จุดโดยประเมินความเสี่ยงหลัก คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะยังมีต่อเนื่องจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันในช่วงก่อนประชุม APEC ปลายเดือน ต.ค. นี้ ขณะที่การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน (20–23 ต.ค.) คาดจะยังส่งสัญญาณสนับสนุนเทคโนโลยี การบริโภค และจำกัดการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตใหม่ ๆ ส่วนรายงานเงินเฟ้อ ก.ย. ของสหรัฐฯ (24 ต.ค.) อาจจะมีผลต่อตลาดไม่มากนัก โดยมองเฟดยังมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ 

ขณะที่งบไตรมาส 3/68 ของ บจ. สหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาด โดย 6 ใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนได้ ด้านปัจจัยในประเทศติดตามแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มของรัฐบาลและตัวเลขส่งออกไทย ก.ย. ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง อีกทั้งงบไตรมาส 3/68 ของ บจ. ไทย โดยกลุ่มธนาคารใหญ่จะประกาศงบสัปดาห์หน้า (20-24 ต.ค.) หลังจากนั้นจะเป็นการทยอยประกาศงบของหุ้นในกลุ่ม Real Sector ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 3 ธีมเทรดดิ้งซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

  1. หุ้น Earning Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 จะยังเติบโตดีทั้งจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC, BCP, KTB, LHSC, OR, PTT และ TRUE 
  2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL, GPSC, TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP, MTC, TIDLOR 
  3. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา แนะนำ TU, GFPT, KCE, HANA 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากสงครามการค้าจีนสหรัฐฯ มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น แนะนำ WHA, AMATA, FTREIT และ 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่จะดีขึ้น จากรัฐผลักดันนโยบายสร้างรายได้ ลดค่าครองชีพ แนะนำ CPALL, CPAXT และ BJC 

นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล

ผู้อำนวยการอาวุโส Equity Strategy Team

บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX

 

Back to top button