
KTB ราคารอดูงบฯ
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ล่าสุดบรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหลายโบรกเกอร์ต่างจัดให้เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มธนาคารฯ
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ล่าสุดบรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหลายโบรกเกอร์ต่างจัดให้เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มธนาคารฯ
ราคาเป้าหมายเท่าที่สำรวจตรวจสอบมาล่าสุดจาก 15 โบรกเกอร์
ราคาสูงสุดอยู่ที่ 31.00 บาท
ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 25.00 บาท และมีค่าเฉลี่ย หรือที่เป็น Consensus ที่ระดับ 27.50 บาท
ก่อนหน้านี้หรือช่วงระหว่างวันที่ 12-13 และ วันที่ 16 ก.ย. 68
ราคาหุ้นกรุงไทย ปิดด้วยทำสถิติสูงสุดในรอบนับ 10 ปี ที่ระดับ 26.50 บาท
ทำให้ราคาดังกล่าวเป็นแนวต้านใหม่ในรอบล่าสุด
หลังราคาดีดขึ้นที่บริเวณนี้ พอดีกับมีข่าวที่เป็นปัจจัยเชิงลบกับกรุงไทยเล็กน้อย ทำให้เกิดการสบช่องขายหุ้นทำกำไรกันออกมา ราคาจึงลงมาที่ระดับ 24.50 บาท +/- เล็กน้อย
ที่บริเวณแนวรับนี้มีแรงรับซื้อเข้ามาค่อนข้างมาก และซื้อเพิ่มเรื่อย ๆ
กระทั่งผลักดันราคาผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ 25.00 บาท ขึ้นมาได้ และมาอยู่ระหว่าง 25.00-25.50 บาท
กรุงไทย สำหรับงบการเงินไตรมาส 3/68 นั้น
ถูกคาดหมายว่า จะมีกำไรออกมาดีสุดในกลุ่มธนาคารฯ
นักวิเคราะห์ดีดลูกคิด ดูตัวเลขสำคัญทางการเงินต่าง ๆ ได้คาดการณ์กำไรอยู่ระหว่าง 1.25-1.55 หมื่นล้านบาท เติบโตทั้งจากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
หากอ้างอิงจากตัวเลขสำคัญทางการเงินอื่น ๆ ของกรุงไทย ณ สิ้นไตรมาส 2/68
เช่น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย คือ 3%
เช่นเดียวกับ Coverage Ratio จะคงรักษาไว้ได้ที่ระดับ 190% +/- แต่บางโบรกเกอร์คาดไว้ว่า ณ สิ้นไตรมาส 3/68 อาจเพิ่มขึ้นมาอยู่ระหว่าง 198-200% ถือว่าแข็งแกร่งมาก ๆ
ส่วน Capital adequacy ratio หรือ CAR ยังอยู่ระหว่าง 20-21%
กำไรสุทธิของกรุงไทยที่เพิ่มขึ้นนั้น
นอกเหนือจากผลประกอบการตามปกติแล้ว
อีกส่วนหนึ่งยังมาจาก บันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการถือหุ้นใน “บมจ.การบินไทย” (THAI) จากการที่กรุงไทยได้ทำการแปลงหนี้เป็นทุน
หุ้นกรุงไทย นอกเหนือจากความแข็งแกร่งทางการเงิน และโอกาสทางธุรกิจเชิงบวกค่อนข้างสูง เช่น จากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่จะมีประชาชนกลับเข้ามาใช้แอปฯ เป๋าตังเพิ่มขึ้น และทำให้กรุงไทยมีโอกาสที่จะขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินผ่านแอปฯ จนน่าจะสร้างโอกาสเพิ่มรายได้ค่าฟีจำนวนมาก
กรุงไทย ยังมีการจ่ายเงินปันผลน่าสนใจ จากการให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล คิดเป็น Dividend yield ประมาณ 6.50% ต่อปี
จริงแล้วมีการเปรียบเทียบระหว่าง หากมีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ระหว่างฝากธนาคาร (เงินฝากประจำ 12 เดือน ดอกเบี้ยประมาณ 1.70%) กับซื้อหุ้นกรุงไทยที่ได้ยีลด์ 6.50% ต่อปี (ลบด้วยภาษีเงินปันผล 10%)
ผลตอบแทนที่ได้รับจะดีกว่าเงินฝาก (แต่มีความเสี่ยงด้าน Capital gain เล็กน้อย)
ดังนั้น การกันเงินส่วนหนึ่งมาซื้อหุ้น ดีดลูกคิดออกมา ยังไงก็ยังมีความคุ้ม
กรุงไทย ยังถูกยกให้เป็นหุ้นธนาคารฯ ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเกี่ยวกับหนี้เสีย สาเหตุเนื่องจาก สินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อภาครัฐ (แม้ผลตอบแทนจะไม่ได้สูงมาก)
และยังมีสินเชื่อบุคคลที่กลุ่มลูกค้าจะเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานที่มีเงินเดือนเข้าบัญชีของกรุงไทย ทำให้ความเสี่ยงอยู่ระดับต่ำ
ส่วนราคาหุ้นล่าสุดที่อยู่ระหว่าง 25.00 บาท +/- นั้น
เข้าใจว่า น่าจะรอความชัดเจนเกี่ยวกับงบการเงินไตรมาส 3/68 ว่าจะออกมาตามคาดหรือไม่
หากตามคาด หรือดีกว่าคาด
มีโอกาสที่ราคากรุงไทยจะขึ้นมาเล่นระหว่าง 26.00–26.50 บาทได้