
ส.อ.ท.-ธปท. ผนึกกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ชูยุทธศาสตร์ “4GO” หนุน SMEs-ดูแลบาทแข็ง
ส.อ.ท. เปิดบ้านต้อนรับผู้ว่าการ ธปท. หารือมาตรการดูแลค่าเงินบาท หนุน SMEs พร้อมรับมือสงครามการค้า “วิทัย” ย้ำเชื่อมโยงนโยบายรัฐ-เอกชน “เกรียงไกร” ชูยุทธศาสตร์ “4GO” ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ต.ค.68) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมประชุมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์ค่าเงินบาท และแนวทางการดูแลความผันผวนของค่าเงินเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคเอกชน
นายเกรียงไกร กล่าวว่า การพบกันครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีในการสร้างความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับหน่วยงานนโยบายการเงิน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เผชิญความเสี่ยงรอบด้าน เพื่อให้การตัดสินใจแก้ไขปัญหามีความแม่นยำและทันท่วงที
ที่ประชุมหยิบยก 3 ประเด็นหลักเพื่อหารือร่วมกัน ได้แก่
1. มาตรการรับมือภาษีสหรัฐฯ และสงครามการค้า เสนอให้รัฐออกมาตรการทางการเงินช่วยผู้ส่งออกไทย
2. การแก้ปัญหาสภาพคล่องและหนี้ SMEs เรียกร้องให้เพิ่มสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) ผ่อนผันหลักประกัน และสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว
3. การดูแลค่าเงินบาทแข็งค่า เสนอให้ ธปท. ดูแลเสถียรภาพให้อยู่ในระดับใกล้เคียงประเทศคู่แข่ง พร้อมส่งเสริมการใช้ FX hedging ในกลุ่มผู้ส่งออก SMEs
พร้อมกันนี้ ส.อ.ท. ยังได้นำเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม “4GO” ประกอบด้วย
- GO Digital & AI ผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- GO Innovation สร้างมูลค่าเพิ่มผ่านนวัตกรรมและงานวิจัย
- GO Global ยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก ลดการพึ่งตลาดเดิม
- GO Green ส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวตามแนวทาง ESG และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint) หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมหรือกระบวนการผลิต
ด้านนายวิทัย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการหารือนอกสถานที่ครั้งแรก สะท้อนความตั้งใจของ ธปท. ที่จะเชื่อมโยงนโยบายระหว่างภาครัฐและเอกชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมเปิดใจรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย และพร้อมดำเนินการทันทีหากเป็นไปได้ ทั้งยังย้ำว่าจะมีการหารือร่วมกันเป็นระยะ เพื่อให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกิดผลในทางปฏิบัติ
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นพ้องถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน