
BBLAM ส่งทีเด็ด ปั้นพอร์ตมีกำไร สวนเสี่ยงรอบด้าน
บลจ.บัวหลวง แนะกลยุทธ์ลงทุนปี 2568 เน้นถือครองตราสารหนี้คุณภาพดี และหน่วยลงทุนทองคำ ปรับพอร์ตสู่หุ้นเมื่อเห็นจังหวะเหมาะ พร้อมแนะนำกองทุนเด่นทั้งไทย หุ้นโลก หุ้นเอเชีย และเทคโนโลยี
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM ระบุว่า ด้วยสถานการณ์ปีนี้พร้อมกับคาดว่าจะสืบเนื่องในปีถัดไป จะเห็นได้ว่าสถานการณ์โลกมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลต่อเนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตามมาด้วยความปั่นป่วนจากการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญ ๆ อีกหลายประเทศที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
กลยุทธ์ลงทุนปีนี้ควรเน้นไปที่ตราสารหนี้เป็นหลัก รอจังหวะการปรับเปลี่ยน เพื่อเพิ่มน้ำหนักลงทุนในกองทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ปีนี้หุ้นสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ส่วนกลยุทธ์ลงทุนในกองทุนหุ้น เน้นกระจายลงทุนในหุ้นทั้งฝั่งตลาดที่พัฒนาแล้วและหุ้นทางเอเชีย
กลยุทธ์ที่สองเน้นไปกับอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสต่อไปในอนาคต ซึ่งกลุ่มเทคโนโลยีก็พิสูจน์ตัวเองแล้ว ด้วยสถานการณ์การลงทุนที่แตกต่างไปจากปีก่อน ๆ อีกการลงทุนที่น่าสนใจมองไปที่ “หน่วยลงทุนทองคำ” ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ดีต่อการลงทุนและใช้ปรับความเสี่ยงของพอร์ต
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่แนะนำ คือ กองทุน B-SI-THAIESG มีนโยบายลงทุนในตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน โดยผลตอบแทน ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 12.88% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 10.84% ต่อปี กองทุนหุ้นที่เน้นกระจายลงทุน แนะนำให้ลงทุนในกองทุนประเภท RMF ได้แก่ กองทุน B-GLOBALRMF ผลตอบแทน ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 14.43% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 15.95% ต่อปี อีกกองทุนที่เน้นกระจายลงทุนในเอเชียที่แนะนำลงคู่กัน ได้แก่ B-ASIARMF ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 13.62% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 15.06% ต่อปี
สำหรับกองทุนที่เน้นเทรนด์เทคโนโลยี BBLAM แนะนำกองทุน B-INNOTECHRMF ผลตอบแทน ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 19.45% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 21.47% ต่อปี และกองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนทองคำ BBLAM แนะนำ BGOLDRMF ซึ่งลงทุนในหน่วยลงทุนของ SPDR Gold Trust โดยในช่วงเวลาเดียวกัน ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 41.60% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 46.30% ต่อปี