
น้ำมัน WTI ปิดลบ 29 เซนต์ นักลงทุนไม่เชื่อมั่นมาตรการสหรัฐฯ คว่ำบาตรรัสเซีย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบ 29 เซนต์ เนื่องจากตลาดเริ่มเกิดความสงสัยเกี่ยวกับความจริงจังของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่สองแห่งของรัสเซียจากกรณีการทำสงครามในยูเครน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (24 ต.ค.68) เนื่องจากตลาดเริ่มเกิดความสงสัยเกี่ยวกับความจริงจังของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่สองแห่งของรัสเซียจากกรณีการทำสงครามในยูเครน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 61.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 65.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยราคาน้ำมันอ่อนตัวลงในช่วงสองชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันทั้งสองชนิดยังคงปรับขึ้นตัวกว่า 7% ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดเริ่มสงสัยอีกครั้งว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่นี้จะรุนแรงอย่างที่ประกาศไว้หรือไม่
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรบริษัท Rosneft และ Lukoil ของรัสเซีย เพื่อกดดันประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียให้ยุติสงครามในยูเครน
สองบริษัทนี้มีสัดส่วนการผลิตน้ำมันมากกว่า 5% ของกำลังการผลิตทั่วโลก โดยรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสองของโลกในปี 2567 รองจากสหรัฐฯ
มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวทำให้บริษัทน้ำมันของรัฐบาลจีนระงับการซื้อน้ำมันจากรัสเซียในระยะสั้น ขณะที่โรงกลั่นในอินเดียซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียทางทะเลรายใหญ่ที่สุด มีแนวโน้มจะลดการนำเข้าน้ำมันรัสเซียลงอย่างมาก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวในอุตสาหกรรม
รัฐมนตรีน้ำมันของคูเวตกล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) พร้อมจะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยการขาดแคลนในตลาดหากจำเป็น
สหรัฐฯ ระบุว่าพร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ขณะที่ปูตินวิจารณ์การคว่ำบาตรว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตร และยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซียอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมย้ำถึงความสำคัญของรัสเซียต่อเสถียรภาพของตลาดพลังงานโลก
สหราชอาณาจักรได้ออกมาตรการคว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ขณะที่สหภาพยุโรปอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งที่ 19 ซึ่งรวมถึงการห้ามนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัสเซียด้วย
วารสารทางการของสหภาพยุโรปเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ยังได้เพิ่มรายชื่อโรงกลั่นน้ำมันของจีนอีกสองแห่งที่มีกำลังการผลิตรวม 600,000 บาร์เรลต่อวัน รวมถึงบริษัท Chinaoil Hong Kong ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการค้าของ PetroChina เข้าไว้ในบัญชีคว่ำบาตรรัสเซียด้วย
ในช่วงต่อไปนั้น นักลงทุนจับตาการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในสัปดาห์หน้า ซึ่งทั้งสองผู้นำจะหารือเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าที่ดำเนินมาอย่างยาวนานและยุติมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างกัน

