ฝรั่ง ‘โรเตชัน’ (rotation) กลุ่มหุ้น

เมื่อสัปดาห์ก่อนเคยเขียนบอกแล้วว่า สัปดาห์นี้อาจจะเกิดการเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารเพื่อทำกำไร แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ


เมื่อสัปดาห์ก่อนเคยเขียนบอกแล้วว่า สัปดาห์นี้อาจจะเกิดการเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารเพื่อทำกำไร

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

4 หุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ทั้ง KBANK BBL SCB KTB ราคาต่างปรับลงกันทั้งหมด หลังจากก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาแบบทำ “แรลลี่” จนเกิดอัพไซด์จำกัด

ขณะที่หุ้นแบงก์บางตัวราคาขึ้นมาสูงกว่า Consensus ด้วย

กลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาเทรดหุ้นธนาคาร น่าจะนำโดยนักลงทุนต่างชาติ หรือฟันด์โฟลว์ และมีกลุ่มนักลงทุนสถาบันเข้ามาซื้อ ๆ ขาย ๆ ด้วยเช่นกัน

หากย้อนกลับไปดูแรงซื้อของฟันด์โฟลว์เมื่อสัปดาห์ก่อน

มีการเข้ามาซื้อต่อเนื่อง 4 วัน เริ่มวันที่ 20 ต.ค.มาจนถึงวันที่ 24 ต.ค. 68 รวมกว่า 7,775 ล้านบาท

หุ้นเป้าหมายหลัก ๆ ที่เข้ามาเก็บ เชื่อว่าเป็นกลุ่มธนาคารนั่นแหละ

รูปแบบหรือพฤติกรรมของนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา จะเล่นแบบตีหัวเข้าบ้านเป็นส่วนใหญ่ หรือเข้ามาไล่ซื้อหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการดี และเมื่อมีข่าวออกมา หรือมีความชัดเจนแล้ว จะขายทำกำไรออกทันที

เว้นแต่ที่จะเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง แล้วจ่ายเงินปันผลดี พวกเขาอาจจะเก็บไว้บางส่วน (ขายทำกำไรบางส่วน)

หุ้นแบงก์ในช่วงไตรมาส 3/68 แม้ผลประกอบการจะออกมาดี หนี้เสียต่างปรับลดลง การตั้งสำรองหนี้ฯ ลดลง เงินกองทุนต่างเข้มแข็งมากขึ้น

แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ “สินเชื่อ” หลายแบงก์ยังเติบโตติดลบ

และบางแบงก์ยังขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้

ขณะเดียวกัน Net Interest Margin หรือ NIM ต่างปรับลดลง จากดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงของขาลง

ทว่า หลายแบงก์ต่างหันไปหารายได้ค่าธรรมเนียม หรือค่าฟีเข้ามาทดแทน และส่วนใหญ่ต่างทำได้ดี ทำให้มีกำไรเข้ามาทดแทนในส่วนของ NIM ที่ขาดหายไป

นอกจากนั้น ยังมีรายได้และรับรู้กำไรจากการลงทุนเข้ามาร่วมด้วย

เช่น BBL ที่มีการบันทึกรายได้และกำไรจากค่าฟี และการลงทุนในธนาคารเพอร์มาตา (Permata Bank) อินโดนีเซีย เข้ามาแบบมีนัยสำคัญ

กรุงไทย หรือ KTB มีการ Mark to Market และกลับสำรองของรายการ “การบินไทย” (THAI) ที่มีการแปลงหนี้เป็นทุน

ไตรมาส 4/68 ของหุ้นกลุ่มแบงก์ ยังถูกจับตาเกี่ยวกับเรื่องของ NIM ที่อาจกดดันกำไร

เว้นแต่บรรดาหุ้นแบงก์จะยังคงสามารถหารายได้ค่าฟี และกำไรจากการลงทุนเข้าทำแทนได้ ก็น่าจะทำให้กำไรสุทธิออกมาดีกว่าคาดการณ์เช่นเดียวกับไตรมาส 3/68

คาดว่าราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ อาจพักฐานสักช่วงเวลาหนึ่ง (แต่ไม่นาน)

เมื่อราคาหุ้นลงมาที่บริเวณแนวรับ อาจเห็นแรงซื้อกลับ เพราะเล่นรอบทำกำไร เหมือนกับในช่วงที่ผ่าน ๆ มา

แน่นอนว่า เมื่อต่างชาติขายหุ้นแบงก์บางส่วนออกเพื่อขายทำกำไร จะมีการนำเงินเข้าไปลงทุนในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี ราคายังแลกการ์ด หรือ โรเตชัน” (rotation)

นักวิเคราะห์มองว่า หุ้นกลุ่มเป้าหมาย อาจเป็นกลุ่มประกัน เช่น “ไทยประกันชีวิต” (TLI ) และ “กรุงเทพประกันชีวิต” (BLA) จากบอนด์ยีลด์ สหรัฐฯ กลับมามีทิศทางเชิงบวกอีกครั้ง ประกอบกับ กลุ่มประกันน่าจะมีบันทึกกำไรจากการลงทุนเข้ามาในไตรมาส 3 นี้ด้วย

และยังมีหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว เช่น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL

Back to top button