
“สันติ ปิยะทัต” ลุยแถลงจับบุหรี่ไฟฟ้ากิ่งแก้ว ยึดของกลาง 3 หมื่นชิ้น มูลค่า 15 ล้านบาท
สันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงจับโกดังบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ กิ่งแก้ว สมุทรปราการ ยึดของกลางกว่า 30,000 ชิ้น มูลค่า 15 ล้านบาท ย้ำรัฐบาลเดินหน้าป้องกันและปราบปรามเครือข่ายลักลอบจำหน่าย พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องเยาวชนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการขับเคลื่อนการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมด้วย พล.ต.ท. ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมแถลงข่าวการทลายเพจบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหารวม 2 ราย ประกอบด้วย นายสมชาย เจนวจีพร และ น.ส. ชนิศา กุลภควา พร้อมยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้า ชนิดสูบแล้วทิ้ง ยาบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติม และชนิดเปลี่ยนหัว เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารวมกว่า 30,000 ชิ้น มูลค่าของกลางประมาณ 15,000,000 บาท พร้อมยึดสมุดบัญชีธนาคารและบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เงินสด จำนวน 1,600,000 บาท ณ โกดังเลขที่ 68/61 หมู่5 ซอยกิ่งแก้ว 40/2 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
นายสันติ ปิยะทัต เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่อาจตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ค้า พร้อมขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและซื่อสัตย์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดำเนินงานเชิงรุก ทั้งด้านการสืบสวนสอบสวนและการขยายผล เพื่อตัดวงจรเครือข่ายการนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย หรือผู้มีส่วนร่วมในเครือข่ายดังกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญและมีความกังวลต่อปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เร่งผลักดันการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ถึงภัยอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน เพื่อป้องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว พร้อมขอความร่วมมือจากสถานศึกษา ครอบครัว และชุมชน ให้ร่วมกันเฝ้าระวังและป้องกันอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเทคโนโลยีและแฟลตฟอร์มออนไลน์
รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อร่วมกันตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายกับผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต พร้อมผลักดันมาตรการเชิงรุกเพื่อสกัดกั้นการเข้าถึงของเยาวชนอย่างเป็นระบบและจริงจัง
“รัฐบาลพร้อมเดินหน้าเชิงรุกครบทุกมิติ ทั้งการรณรงค์ป้องกัน การปราบปราม และการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด เพื่อให้สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง” นายสันติ กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท. ณัฐศักดิ์ฯ กล่าวถึงพฤติการณ์ในคดีว่า ตำรวจสอบสวนกลางภายใต้โครงการ “สายตรวจออนไลน์” ได้ขยายผลจากการตรวจสอบเครือข่ายลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ชื่อ “VST นวลจันทร์” ซึ่งมีการจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์และขนส่งเอกชนทั่วประเทศ ซึ่งจากการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบจุดพักสินค้าและโกดังในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่หลายจุดในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและยึดของกลางได้ พร้อมเดินหน้าขยายผลไปยังเครือข่ายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นายรณรงค์ กล่าวว่า สคบ. เน้นการทำงานเชิงรุกและประสานทุกหน่วยงานในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชน หากมีเบาะแสเกี่ยวกับการจำหน่ายหรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้ง สคบ. ผ่านช่องทาง สายด่วน สคบ. โทร. 1166

