จ่อชงครม. 18 พ.ย. เคาะบัตรเหมาจ่ายรายวันรถไฟฟ้า “สายสีแดง–ม่วง” 40 บาท

คมนาคมเตรียมเสนอ ครม. 18 พ.ย.นี้ เคาะบัตรเหมาจ่ายรถไฟฟ้า 40 บาทต่อวัน เริ่มใช้ 1 ธ.ค. เดินทางไม่จำกัดเที่ยว “พิพัฒน์” ย้ำช่วยลดค่าครองชีพ พร้อมเดินหน้าระบบ “ตั๋วร่วม” ตั้งเป้าเห็นผลภายในรัฐบาลนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (29 ต.ค.68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน ครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติสำคัญ 2 เรื่อง คือ

  1. เตรียมเสนอ ครม. เคาะ “บัตรเหมาจ่ายรายวัน” สายสีแดง–ม่วง 40 บาท

ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางคิดอัตราค่าโดยสารตลอดสาย สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง ในอัตรา 40 บาทตลอดวัน เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติอย่างช้าภายในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568

โครงสร้างค่าโดยสาร “บัตรเหมาจ่ายรายวัน”

– บุคคลทั่วไป จ่าย 40 บาทต่อวัน เดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยว

– นักศึกษา จ่าย 30 บาท

– เด็กและผู้พิการ เดินทางฟรี

– ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จ่ายครึ่งราคา คือ 20 บาท หรือครึ่งหนึ่งของค่าโดยสารตามระยะทาง

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้บริการไป–กลับทำงาน หรือรับส่งบุตรหลาน

สมมุติผู้ปกครองไปส่งลูกหลานที่โรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินทางกลับบ้านในช่วงเช้า ตอนบ่ายท่านเดินทางอีกครั้ง เพื่อรับลูกหลานกลับบ้านในวันนั้น ท่านเดินทางทั้งสิ้น 4 ครั้ง เท่ากับท่านจ่ายแค่ 40 บาท เซฟค่าใช้จ่ายมากกว่าในอดีตถึง 50% ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีกว่าเดิม” นายพิพัฒน์ กล่าว

ขณะที่ นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า บัตรเหมาจ่าย 40 บาทต่อวันนี้จะใช้ได้เฉพาะกับบัตร EMV ส่วนบัตรเที่ยวเดียวจากตู้จำหน่ายจะไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้

ส่วนงบประมาณที่ต้องนำไปอุดหนุนในโครงการจะใช้น้อยลงจากเดิม เพราะจะให้สิทธิเฉพาะกลุ่มที่จำเป็น โดยมาตรการนี้ออกแบบเพื่อกลุ่มที่เดินทางบ่อย เช่น กลุ่มคนทำงานหรือประชาชนหาเช้ากินค่ำ จะช่วยลดค่าครองชีพได้มาก

เมื่อถามว่ามาตรการ 40 บาทตลอดวันจะต้องขอเงินจากรัฐบาลเพิ่มหรือไม่ นายพิเชฐ กล่าวว่า ไม่ต้อง เพราะทั้งสองโครงการรัฐเป็นเจ้าของและจ่ายค่าจ้างเดินรถอยู่แล้ว “มาตรการนี้ถ้ามีผู้ใช้บริการมากก็ยิ่งเป็นผลดี” เขากล่าว

  1. เดินหน้า “พ.ร.บ.ตั๋วร่วม” ตั้งเป้าจบในรัฐบาลนี้

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้หารือความคืบหน้าของ พระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการให้เห็นผลภายในรัฐบาลนี้

อยากเห็นเรื่องการใช้ตั๋วร่วมจบให้ได้ ซึ่งเป็นการนำมาต่อยอด และคิดคำนวณใหม่ถึงอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่เท่าไหร่” นายพิพัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่อีกชุด เพื่อพิจารณาให้มีเจ้าของระบบรายเดียว คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมพิจารณาวิธีการจัดหาเงิน โดยไม่ให้กระทบต่อเพดานหนี้สาธารณะ 70%

นายพิพัฒน์ ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมจะไม่ดำเนินการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น โดยให้กระทรวงการคลังช่วยดูแนวทางจัดหาเงินเพื่อซื้อกิจการคืนจากเอกชน และกำหนดระยะเวลาการให้เอกชนรายเดิมเช่าบริหารต่อ คงมีการนำเข้า ครม. เป็นช่วง ๆ

Back to top button