IRPC เด้ง 1% รับงบ Q3 พลิกกำไร 340 ล้าน ลุ้นไตรมาส 4 ค่าการกลั่นฟื้น ชูเป้า 1.11 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ณ เวลา 10:34 น. อยู่ที่ระดับ 1.03 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 0.98% สูงสุดที่ระดับ 1.04 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.20 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับ สำหรับ IRPC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 พลิกมีกำไรสุทธิ 340.30 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 4,879.96 ล้านบาท เป็นผลมาจาก โดยมีรายได้จากการขายสุทธิ 58,876 ล้านบาท ลดลง 12,026 ล้านบาท หรือราว 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลง 12% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และปริมาณขายที่ลดลง 5%

สำหรับ ธุรกิจปิโตรเลียม บริษัทมี Market GRM ปรับตัวดีขึ้น จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลเทียบกับน้ำมันดิบดูไบ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานเทียบกับน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ ธุรกิจปิโตรเคมี มี Market PTF ลดลงเล็กน้อย โดยได้รับผลกระทบจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โพลีโพรพิลีน (PP) ในกลุ่มโอเลฟินส์ที่อ่อนตัวลง ส่วน ธุรกิจสาธารณูปโภค ยังคงรักษากำไรขั้นต้นในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน

ภาพรวมส่งผลให้บริษัทฯ มี Market GIM เพิ่มขึ้น 1,843 ล้านบาท หรือเท่ากับ 3.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบันทึก กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (Net Inventory Gain) จำนวน 502 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 5,000 ล้านบาท ส่งผลให้มี Accounting GIM อยู่ที่ 5,995 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไรจากที่เคยขาดทุน 1,350 ล้านบาทในปีก่อนหน้า

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน (Refinery) ในไตรมาส 4/2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ดีเซล แก๊สโซลีน และน้ำมันเตา โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ฤดูหนาว และการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น (Maintenance) ที่ส่งผลให้ปริมาณอุปทานทั่วโลกลดลง

ทั้งนี้ ราคาดีเซลได้รับแรงหนุนจากความต้องการพลังงานเพื่อให้ความร้อนในช่วงฤดูหนาว (Winter Heating Demand) และสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่ Crude Premium มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

ยังคงประมาณการผลประกอบการปี 2568 ขาดทุนสุทธิ 4.7 พันล้านบาท พร้อมคงราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ระดับ 1.11 บาท อิงค่าเฉลี่ย PBV -1.5SD ที่ 0.35 เท่า และคงคำแนะนำ “ถือ” โดยระบุว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับลดลงราว 10%

สำหรับธุรกิจปิโตรเคมียังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะอุปทานล้นตลาด (Over Supply) และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งอาจกดดันการฟื้นตัวของผลประกอบการในระยะสั้น โดยยังคงราคาเป้าหมายอยู่ที่ 1.11 บาท