เงินเฟ้อ ต.ค. ลดต่อเนื่อง 0.76% ต่ำสุดอาเซียน รับอานิสงส์นโยบายรัฐ–ราคาพลังงานลง

ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนตุลาคม 2568 ลดลง 0.76% จากผลของมาตรการภาครัฐและราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ยังขยายตัว 0.61% สะท้อนภาวะราคาในประเทศที่ทรงตัวอยู่ในกรอบควบคุม และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 พ.ย.68) นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ของไทยเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 100.00 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 100.77 ถือเป็นการลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยสำคัญมาจากมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพของรัฐบาล ภายใต้โครงการ Quick Big Win และราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคากลุ่มพลังงาน ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ราคาสินค้าจำเป็นหลายรายการ เช่น เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด ลดลงตามปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงของใช้ส่วนบุคคลที่ราคาลดลงจากการจัดโปรโมชั่นของผู้ประกอบการ ส่วนสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อในระดับจำกัด

ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างประเทศพบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือนกันยายน 2568 ลดลง 0.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ในอันดับที่ 6 จาก 140 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน สิงคโปร์ ติมอร์-เลสเต มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม และสปป.ลาว

เมื่อจำแนกตามหมวดสินค้า พบว่า หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าสำคัญในกลุ่มพลังงานปรับลดลง ทั้งค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน รวมถึงของใช้ส่วนบุคคล รถยนต์ เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ขณะที่สินค้าบางประเภทปรับสูงขึ้น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าทัศนาจรต่างประเทศ ค่าขนขยะ บริการแต่งผม และอาหารสัตว์เลี้ยง

ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.17% จากราคาผักสด ผลไม้สด ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด และข้าวเหนียวที่ลดลงตามผลผลิตการเกษตรที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าหลายรายการราคาสูงขึ้น เช่น อาหารสำเร็จรูป ข้าวสารเจ้า ปลา เครื่องดื่มกาแฟ น้ำมันพืช และผลิตภัณฑ์น้ำตาล

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก ขยายตัว 0.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายนที่ขยายตัว 0.65% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเมื่อเทียบรายเดือน ลดลง 0.11% ตามการปรับลดของหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งลดลง 0.14% จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลงตามตลาดโลก และมาตรการภาครัฐที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงาน รวมถึงการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษในวันหยุดราชการเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชน นอกจากนี้ สินค้าบางประเภท เช่น น้ำยาระงับกลิ่นกาย โฟมล้างหน้า ผ้าอนามัย และเสื้อผ้าบางชนิด ลดลงจากการจัดโปรโมชั่นของผู้ประกอบการ ขณะที่สินค้าบางรายการ เช่น ค่าบริการขนขยะ น้ำยาทำความสะอาดบ้าน และกระดาษชำระ ปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุน

ดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–ตุลาคม) ลดลง 0.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกระทรวงพาณิชย์คาดว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายนจะยังคงลดลงต่อเนื่อง ปัจจัยสนับสนุนมาจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงจากการเพิ่มกำลังผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส และนโยบายลดเงินสมทบเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกลดลงเหลือ 30.94 บาทต่อลิตร รวมถึงการปรับลดค่าไฟฟ้าผ่านการลดค่าเอฟที (Ft) งวดกันยายน–ธันวาคม 2568 เหลือ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ ราคาผักและผลไม้ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนจากผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก และผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับลดราคาห้องพักให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะสิทธิลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศสูงสุด 20,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่อาจกดดันให้เงินเฟ้อปรับสูงขึ้น ได้แก่ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวซึ่งอาจทำให้ค่าโดยสารเครื่องบินเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาสินค้าเกษตรและเครื่องปรุงบางชนิดที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากปีก่อน เช่น กะทิสำเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูป เกลือป่น และน้ำมันพืช จากต้นทุนวัตถุดิบและการผลิตที่สูงขึ้น

กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยตลอดปี 2568 อยู่ที่ 0.0% สะท้อนภาวะราคาสินค้าโดยรวมที่ทรงตัวและอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าในภูมิภาค

Back to top button