
“กรรณ์” แนะจับจังหวะลงทุน “DELTA” พ่วงเก็งกำไร 3 ธีม “แบงก์-สื่อสาร-โรงไฟฟ้า”
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา เผยตลาดหุ้นไทยยังทรงตัวเหนือ 1,300 จุด แนะจับจังหวะเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร “DELTA” พร้อมกลยุทธ์ลงทุน 3 ธีม ได้แก่ กลุ่มแบงก์ สื่อสาร และโรงไฟฟ้า
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ (Vice President) สายงานวิจัย (ลูกค้ารายย่อย) บริษัทหลักทรัพย์ CGS International (ประเทศไทย) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ (7 พ.ย.68) ว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงที่ปัจจัยบวกและลบเข้าปะทะกัน โดยแรงกดดันระยะสั้นมาจากความกังวลเรื่องภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลัง Michael Burry นักลงทุนชื่อดัง เข้าทำสถานะขาย (Short Position) ในหุ้น NVIDIA และ Palantir ซึ่งกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนทั่วโลก รวมถึงหุ้น DELTA ในตลาดไทย
อย่างไรก็ตาม ดัชนี SET ยังคงยืนเหนือระดับ 1,300 จุด ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคาร, สื่อสาร (เช่น ADVANC และ TRUE) รวมถึง DELTA ซึ่งผู้บริหารยืนยันมียอดคำสั่งซื้อชัดเจนในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
แม้หุ้น DELTA อาจเผชิญแรงขายตามกระแสโลก แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและบทบาทในฐานะหุ้นชี้นำของนักลงทุนต่างชาติ การอ่อนตัวของราคาจึงอาจเป็น “จังหวะเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร” โดยเฉพาะเมื่อบริษัทมีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/68 ดีกว่าไตรมาสก่อนหน้า แม้อยู่ภายใต้มาตรการ Cash Balance ก็ตาม
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดและหุ้นกลุ่มอื่น นอกเหนือจากประเด็นของ DELTA แล้ว เสถียรภาพของดัชนี SET ที่ยืนเหนือ 1,300 จุด ยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ ได้แก่
กลุ่มธนาคาร ผลประกอบการออกมาดีอย่าง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP
กลุ่มสื่อสาร ผลประกอบการของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ออกมาดี โดยเฉพาะ TRUE ที่มีการประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
กลุ่มโรงไฟฟ้า: ผลประกอบการของบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ออกมาที่ประมาณ 7,000 กว่าล้านบาท ซึ่งถือว่า “inline” หรือเป็นไปตามที่คาดการณ์ ไม่ได้สูงกว่าคาด
หลังจากนี้ ตลาดจะหันไปให้ความสนใจกับผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มอื่นๆ มากขึ้น เช่น กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มค้าปลีก เพื่อประเมินทิศทางของตลาดโดยรวมต่อไป
