“กรรณ์” ชี้ SET แนวรับ 1,250 จุดเอาอยู่! แนะลงทุน 4 ธีม รับปัจจัยบวกเฉพาะ

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา ประเมินตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากการเมือง แต่คาดไม่หลุด 1,250 จุด แนะสะสม 4 ธีมเด่น ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล-ค้าปลีก-พลังงาน-โรงไฟฟ้า รอลุ้น Election Rally ในไตรมาส 2 ปีหน้า


นายกรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ (Vice President) สายงานวิจัยลูกค้ารายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ CGS International (ประเทศไทย) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ 8ธ.ค. 68 ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นจะได้รับอิทธิพลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมาตรการระยะสั้น เช่น การแจกเงินและการเยียวยา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันหลักที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลให้กระแสเงินทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) ยังไม่ไหลกลับเข้ามาอย่างเต็มที่

กลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำคือการอาศัยช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีในกลุ่มที่ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก (Underperform) เพื่อรอรับประโยชน์จากปรากฏการณ์ “Election Rally” ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า เมื่อไทม์ไลน์และผลการเลือกตั้งเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยหุ้นเด่นที่แนะนำจะเน้นไปที่กลุ่มผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรมซึ่งมีโอกาสได้รับประโยชน์โดยตรงจากกระแสเงินทุนที่จะไหลกลับเข้ามา ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไม่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1,250 จุด

กลยุทธ์ที่แนะนำคือการใช้ช่วงเวลานี้ในการ “สะสมหุ้น” ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์โดยตรงจาก Election Rally โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap) ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและราคายังกองอยู่ด้านล่าง ซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคาไม่ปรับขึ้นเนื่องจากขาดกระแสเงินทุน (Fund Flow)

โดยประเมินหุ้นเด่นรายกลุ่มอุตสาหกรรมชี้ว่า กลุ่มโรงพยาบาลยังมีความน่าสนใจจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรง โดยเลือก บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS เป็นหุ้นความเสี่ยงต่ำ–ปานกลาง ด้วยสถานะผู้นำอุตสาหกรรมและมูลค่าที่ไม่ตึงตัว ขณะที่ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงกว่า แต่ได้รับแรงหนุนจากการปรับอัตราประกันสังคมในปีหน้า พร้อมมุมมองเชิงบวกหากราคาย่อต่ำกว่า 10 บาท

ในกลุ่มค้าปลีก ยังคงแนะนำ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เป็นหุ้นหลักที่ควรมีในพอร์ตเพื่อรับ Election Rally โดยระดับราคาประมาณ 43 บาทยังเหมาะสมต่อการสะสม ส่วน บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงกว่า แต่โดดเด่นจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เดือนพฤศจิกายนที่ฟื้นตัวเหนือคู่แข่ง

ด้านพลังงาน แนะนำ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ–ปานกลาง โดยราคาปัจจุบันต่ำกว่าโซน 31–32 บาทยังถือว่าไม่แพง และมีโอกาสได้รับอานิสงส์จาก Fund Flow ต่างชาติที่เริ่มไหลกลับเข้าตลาดไทย

สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ยังคงเป็นตัวเลือกหลักในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ–ปานกลาง ด้วยระดับราคาประมาณ 40 บาทที่ยังเหมาะสม และเป็นเป้าหมายสำคัญหากกระแสเงินทุนกลับเข้าหุ้นสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม หุ้นโรงไฟฟ้าขนาดกลาง–เล็กยังต้องระวังความเสี่ยงจากนโยบายภาครัฐและความอ่อนไหวต่อค่า Ft ที่เป็นขาลงซึ่งอาจกระทบรายได้และมาร์จิ้นของผู้ประกอบการบางราย

Back to top button