
DSI บุกค้นคลินิกย่านพระราม 4 พัวพันขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติผิดกฎหมาย
DSI สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจค้นคลินิกย่านพระราม 4 เชื่อมโยงขบวนการอุ้มบุญผิดกฎหมายของต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ (วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568) เวลา 07.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ พันตำรวจโท ปริญญา กฤษณา ผู้อำนวยการส่วนคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ 2
และนายคมคณิศร์ ผ่องหิรัญ ผู้อำนวยการส่วนคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ 1 นำคณะพนักงานสืบสวน เรื่องสืบสวนที่ 62/2568 สนธิกำลังร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติการตรวจค้นสถานพยาบาลและยึดเอกสาร ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตรวจสอบ เพื่อวิเคราะห์ขยายผลทางคดี ดังนี้
จุดที่ 1 สถานพยาบาลคลินิกเวชกรรม ในอาคารย่านถนนพระราม 4 คลองเตย กรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ในสถานพยาบาลดังกล่าว อีกทั้งยังพบประวัติการรักษา และเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ต้องสงสัยรับจ้างตั้งครรภ์แทนที่เกี่ยวข้องในคดี ซึ่งขณะทำการตรวจค้นพบมีหญิงชาวไทย และหญิงชาวต่างชาติกำลังรับการตรวจรักษาที่ต้องสงสัยว่าเป็นการเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์
จุดที่ 2 ห้องแลปของสถานพยาบาลคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมสูตินรีเวช ในอาคารเดียวกันคณะทำงานพบห้องตรวจและอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น เตียงตรวจโรค/เตียงตรวจภายใน อุปกรณ์เฉพาะทางสูตินรีเวช ชุดอุปกรณ์การตรวจภายใน ห้องเก็บน้ำเชื้อ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งพบประวัติการรักษาในโปรแกรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ของคลินิกที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยรับจ้างตั้งครรภ์แทน และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์แทนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งร้องเรียนมาจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน จัดส่งข้อมูลกรณีคุ้มครองทารกเพศหญิงจำนวน 2 ราย ที่อาจเกิดจากการตั้งครรภ์แทน โดยได้รับการประสานงานจากหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ว่าตรวจพบมีชายชาวจีนจำนวน 2 คน เดินทางพร้อมเด็กทารก โดยไม่พบมารดา จึงทำการสอบสวนบุคคลสัญชาติไทย และดำเนินการส่งกลับประเทศไทยรวมจำนวน 4 ราย เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ การอุ้มบุญสามารถทำได้หากได้รับการอนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีเงื่อนไขเพื่อคนที่มีบุตรยากตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 แต่ห้ามไม่ให้ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า หากฝ่าฝืน
ทั้งผู้ว่าจ้าง นายหน้า นายแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ หญิงอุ้มบุญและผู้เกี่ยวข้องในขบวนการ ย่อมมีความผิดทางอาญาและต้องรับผิดตามกฎหมาย กรมสอบสวนคดีพิเศษมุ่งมั่นกระทำการตามกรอบอำนาจหน้าที่เพื่อต่อต้านขบวนการอุ้มบุญที่ผิดกฎหมาย และดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดอย่างเด็ดขาดต่อไป

