ซึมยาว?

เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่แทนที่จะมีเรื่องดี ๆ ให้รู้สึกแฮปปี้มากขึ้นกว่าเดิม แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา


เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่แทนที่จะมีเรื่องดี ๆ ให้รู้สึกแฮปปี้มากขึ้นกว่าเดิม แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้แรงขายยังมีออกมาเป็นระลอก จนดัชนีตกอยู่ในภาวะซึมกะทือร่วมสัปดาห์แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่น่าอึดอัดใจสำหรับนักลงทุน เพราะสถาการณ์หลายอย่างไม่เอื้อให้ดัชนีเดินหน้าอย่างร้อนแรง และดีสุดคงเป็นแค่ประคองตัวไม่ให้ทรุดลงหนักกระมัง!

ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทำให้อีฉันมองการยืนปิดที่ระดับ 1,306.26 จุด บวกไป 3.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.94 หมื่นล้านบาทไม่มีนัยเหมือนช่วงที่ผ่านมา เพราะเมื่อมองไปข้างหน้าจะเห็นว่า การเมืองเริ่มไม่แน่นอนอีกครั้ง ซึ่งหลายคนกังวลว่า อาจมีการประกาศยุบสภาเร็วกว่ากำหนด หากมีการเดินหน้าเพื่อยื่นอภิปรายรัฐบาลในเดือนหน้า ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาขมุกขมัวอีกครั้งพะยะค่ะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะพูดถึงหุ้น IPO เพื่อชี้ให้เห็นการสภาพที่หุ้นหลุดจองกันเป็นแถว มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติจริง ๆ เพราะเมื่อเทียบกับความสามารถในการทำกำไร และค่าพีอีที่ใช้ในตอนเปิดให้จองซื้อหุ้น ก็อยู่ในระดับต่ำพอสมควร แต่นักลงทุนก็ยังเทหุ้นออกมาตั้งแต่วันแรกที่เปิดใหมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยดูแย่ลงไปอีกนะคะ

งานนี้ถึงเวลาที่ ก.ล.ต. และ ตลท. ต้องออกโรงเรียกความเชื่อมั่นในการลงทุนให้กลับคืนมาอีกครั้ง เพราะการอยู่เฉย ๆ บนหอคอยงาช้างคงไม่ก่อประโยชน์อะไรทั้งนั้น จึงถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนต้องออกมาช่วยกันเสียที! “โมนิก้า” ในฐานะยายปากมาก จึงขอทำหน้าที่เป็นโทรโข่งให้กับตลาดหุ้นไทยแบบสุดซอย พร้อมกันนั้นก็ขอย้ำให้เห็นว่า การที่หุ้นบางตัวเทรดบน PE 8 เท่า มันน่ากลัวจริงเหรอ?

สำหรับตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องนี้คือ หุ้นน้องใหม่ SMO ซึ่งเข้าเทรดวันแรกบนพีอีข้างต้น กลับถูกรับน้องโหดแบบไม่ทันตั้งตัว ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ “โมนิก้า” ประหลาดใจอย่างมาก เพราะภาพที่ทุกคนเห็นคือ โบรกเกอร์ให้ราคาเป้า 8.80 บาท แต่ทันทีที่เปิดซื้อขายหุ้นกลับลงมาอยู่ที่ 4.50 บาท ต่อจากนั้นก็มีแรงขายออกมาเป็นระยะ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 4.10 บาท ลบไป 1.30 บาท หรือลงไป 24% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.16 พันล้านบาท โซแซดสุด ๆ เลยค่ะ

เนื่องจากข้อมูลที่นักลงทุนรับรู้คือ รายได้ปี 68 น่าจะถึงระดับ 9 พันล้านบาท ส่วนรายได้ปี 69 จะขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.20 หมื่นล้านบาท ซึ่งเห็นกันชัด ๆ อยู่แล้วว่า 2 ปีนี้กำไรมีแนวโน้มเติบโต และถ้าบวกกับปันผลเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นโอกาสของนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการทยอยสะสมหุ้นเข้าพอร์ต เพราะอัพไซด์ของหุ้นเปิดกว้างสุด ๆ ไงล่ะคะ

เช่นเดียวกับรุ่นพี่ที่เข้าไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วันอย่าง MMM  ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกับรายข้างต้น และการยืนปิดที่ระดับ 4.04 บาท ลบไป 0.62 บาท หรือลงไป 13.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70 ล้านบาท ก็เป็นการเทรดบน PE 9 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจสุด ๆ เช่นกัน และถ้ามองให้ลึกลงไปอีกจะเห็นว่า หุ้นตัวนี้เติบโตมาจากสตาร์ทอัพ ต่อจากนั้นผลักดันตัวเองขึ้นมาในตลาด mai แถมเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้แบบนี้..หุ้นไม่ควรลงอีกแล้วนะตัวเอง

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นน้องใหม่พื้นฐานดีขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดู ATLAS อีกสักครั้ง หลังเห็นราคาหุ้นย่อตัวลงมาเล็กน้อย ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 2.24 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 73 ล้านบาท ทั้งที่กำไรไตรมาส 3 โตถึง 24% และทำให้ราคาหุ้นที่เห็นเทรดบน PE 11 เท่าแบบนี้ อีฉันมองเป็นจังหวะของการทยอยสะสมอย่างไม่ต้องสงสัย..จริงหรือไม่ ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button