
JMART กวาดกำไร 9 เดือนแตะ 333 ล้านบาท เคาะปันผล 0.13 บาท ขึ้น XD 24 พ.ย.68
JMART รายงานกำไรไตรมาส 3 แตะ 82 ล้านบาท หนุนงวด 9 เดือนแตะ 333 ล้านบาท พร้อมแจกปันผล 0.13 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 24 พ.ย.นี้ และกำหนดจ่าย 11 ธ.ค.68
บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 68 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 154.9 ล้านบาท ลดลง 315.6 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 67.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 645.4 ล้านบาท ลดลง 808.6 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 55.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือจะเติบโตและมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจบริหารหนี้ (NPL และ NPA) มีการจัดเก็บต่ำกว่าเป้าหมาย ทำให้ต้องตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผลขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในคอมมูนิตี้มอลล์ทุกโครงการ จากการลดลงของมูลค่าสิทธิการใช้ตามอายุสัญญา
ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้รวมไตรมาส 3 อยู่ที่ 3,894.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 403.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 จากปีก่อน และรายได้รวมงวด 9 เดือนแรกอยู่ที่ 11,441.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 963.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 โดยรายได้หลักมาจากการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือของ “เจมาร์ท โมบาย” ภายใต้เครือข่าย “Jaymart Network” ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าและเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
รายได้ดอกเบี้ยและกำไรจากสินเชื่อซื้อลูกหนี้อยู่ที่ 987.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการจัดเก็บหนี้ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจชะลอและระดับหนี้ครัวเรือนสูง ขณะที่รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 เป็น 108.4 ล้านบาท จากการเปิดศูนย์การค้า JAS Green Village ประเวศ และรามคำแหง ส่วนรายได้จากประกันภัยลดลงร้อยละ 38.3 เหลือ 74.8 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท ประกันภัยปรับพอร์ตเพื่อควบคุมความเสี่ยง โดยเน้นรับประกันในกลุ่มที่มีอัตราสินไหมต่ำ
กำไรขั้นต้นรวมในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,121.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากปีก่อน ตามการเติบโตของธุรกิจโทรศัพท์มือถือและรายได้จากศูนย์การค้าชุมชนที่เปิดใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีผลขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 97.9 ล้านบาท จากการลดลงของมูลค่าทรัพย์สินตามระยะเวลาสัญญาเช่า
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 883.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 จากปีก่อน เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้นในบริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลงร้อยละ 24 เหลือ 83.6 ล้านบาท เนื่องจากส่วนแบ่งขาดทุนจากการปรับปรุงรายได้สนับสนุนแบรนด์ของ SINGER และการเปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้ให้เป็นการทยอยรับรู้ตามระยะเวลา
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.13 บาท โดยคิดจากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ทั้งนี้ การจ่ายปันผลดังกล่าวเป็นผลจากผลการดำเนินงานในงวดวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568
โดยบริษัทฯ กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 และกำหนดวันไม่รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 และจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2568
