“ไมเคิล เบอรี่” แฉยักษ์เทคสหรัฐ “ยืดอายุอุปกรณ์ AI” ลดค่าเสื่อม ปั้นกำไรเกินจริง  

ไมเคิล เบอรี่  ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ “The Big Short” เตือนบิ๊กเทคใช้กลบัญชีประเมินอายุชิป–เซิร์ฟเวอร์ AI ยาวเกินจริง ช่วยลดค่าเสื่อมในงบการเงิน ดันกำไรสุทธิดูพุ่งเกินจริง พร้อมเปิดชอร์ต Nvidia และ Palantir รวมกว่าแสนล้านบาท เดิมพันสวนกระแสฟองสบู่ AI


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไมเคิล เบอรี่ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ซึ่งมีชื่อเสียงจาก “The Big Short” ได้กล่าวหาว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ หลายแห่งใช้วิธีการบัญชีเชิงรุกเพื่อเพิ่มผลกำไรจากกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเติบโตในปัจจุบัน

ในแถลงการณ์ที่โพสต์บน X เมื่อวันจันทร์ เบอรี่ ซึ่งเป็น ผู้ก่อตั้ง Scion Asset Management ได้อ้างว่าผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์และ AI รายใหญ่ หรือที่เรียกว่า “ไฮเปอร์สเกลเลอร์” (hyperscaler) ต่างประเมินค่าเสื่อมราคาต่ำเกินจริง โดยระบุว่าอุปกรณ์ชิปของพวกเขามีอายุการใช้งานที่ยาวนานเกินความเป็นจริง ซึ่งวิธีนี้สามารถช่วยปั้นกำไรของบริษัทให้ดูสูงกว่าความเป็นจริง โดยเขาอธิบายว่าเป็น “หนึ่งในกลโกงที่พบบ่อยในยุคปัจจุบัน”

เบอรี่เน้นย้ำว่าการที่บริษัทเพิ่มการใช้จ่ายเงินลงทุนด้วยการซื้อชิปและเซิร์ฟเวอร์ของ Nvidia ซึ่งโดยปกติจะมีวงจรผลิตภัณฑ์ประมาณ 2-3 ปี ไม่น่าจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ แต่ตามที่เบอรี่กล่าว บริษัทไฮเปอร์สเกลเลอร์ทั้งหลายต่างก็ใช้แนวทางนี้กันหมด

เบอรี่คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2569 ถึง 2571 กลยุทธ์ทางบัญชีนี้จะนำไปสู่การประเมินค่าเสื่อมราคาต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 176,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้กำไรของทั้งอุตสาหกรรมสูงเกินจริง โดยเขาชี้เป้าบริษัท Oracle และ Meta Platforms โดยประมาณการว่ากำไรรายงานของสองบริษัทนี้อาจสูงเกินจริงราว 27% และ 21% ตามลำดับ ภายในปี 2028

โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Scion Asset Management ได้เปิดสถานะสัญญา Options เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลง โดยเดิมพันว่าราคาหุ้นจะลดลงในบริษัทชั้นนำด้าน AI 2 ราย คือ Nvidia (NVDA) และ Palantir (PLTR)

เอกสารยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ระบุว่า Scion ได้ซื้อ Put Option มูลค่าประมาณ 187.6 ล้านดอลลาร์ กับ Nvidia และ 912 ล้านดอลลาร์ กับ Palantir

เบอรี่กำลังเดิมพันตรงข้ามกับหุ้น AI ยอดนิยมที่สุด ในขณะที่ความกังวลเรื่องภาวะฟองสบู่ในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ราคาหุ้นเทคโนโลยีและ AI ที่พุ่งแรงเป็นปัจจัยหนุนตลาดโดยรวม

Back to top button