
“CPAXT-กรมอุทยาน” เดินหน้า “AXTRA Zero Waste” ส่งต่ออาหารส่วนเกินป้อนสัตว์ป่า 2 หมื่นตัว
CPAXT เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “AXTRA Zero Waste” ลงนาม MOU ร่วมกรมอุทยานฯ ต่อเนื่อง สนับสนุนอาหารส่วนเกินจากแม็คโคร–โลตัส ให้สัตว์ป่ากว่า 20,000 ตัวทั่วประเทศ ลดขยะอาหาร–ลดภาระงบประมาณรัฐ พร้อมยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ป่าและการอนุรักษ์ธรรมชาติไทยอย่างยั่งยืน
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร–โลตัส” เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนผ่านโครงการ “ลดทิ้ง สร้างค่า AXTRA Zero Waste” และแนวคิด “ขยะเป็นศูนย์ ประโยชน์เป็นแสน From Waste to Wealth” โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินและขยะอาหารอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต่อเนื่องอีกครั้ง เพื่อสนับสนุนอาหารส่วนเกินที่ยังบริโภคได้จากแม็คโครและโลตัส ส่งมอบให้สัตว์ป่าภายใต้การดูแลของกรมอุทยานฯ กว่า 20,000 ตัว ครอบคลุมทั้งสัตว์พ่อแม่พันธุ์ สัตว์บาดเจ็บที่ต้องฟื้นฟู และสัตว์ป่าของกลางจากการลักลอบค้าผิดกฎหมายที่ไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวเป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติจริง โดยการนำอาหารส่วนเกินที่ยังสามารถบริโภคได้ไปใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงดูสัตว์ป่า ช่วยลดทั้งปัญหาขยะอาหารและภาระการดูแลสัตว์ป่า พร้อมสะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างการจัดการขยะ การลดก๊าซเรือนกระจก และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบาย “ประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของรัฐบาล
นางศิริพร เดชสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร CPAXT เปิดเผยว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งมอบอาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพจากแม็คโครและโลตัสให้แก่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าและสวนสัตว์ในสังกัดกรมอุทยานฯ รวม 27 แห่งทั่วประเทศ ปริมาณกว่า 2 ล้านกิโลกรัม หรือกว่า 15 ล้านมื้อ ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้สัตว์ป่า พร้อมลดปริมาณอาหารสูญเปล่าและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังช่วยลดภาระงบประมาณด้านอาหารของกรมอุทยานฯ
สำหรับเอ็มโอยูครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างปี 2569–2570 โดยยังคงสนับสนุนอาหารส่วนเกินให้สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 22 แห่ง ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า 4 แห่ง และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รวม 27 แห่งทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าขยายความร่วมมือครอบคลุมองค์กรสวนสัตว์ ปางช้าง และหน่วยงานที่ดูแลสัตว์ถูกทอดทิ้งในอนาคต
นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้สัตว์ป่าซึ่งมีจำนวนมากกว่า 20,000 ตัว ทั้งสัตว์พ่อแม่พันธุ์ สัตว์ป่าของกลาง และสัตว์บาดเจ็บที่ต้องได้รับการฟื้นฟู การได้รับอาหารที่เพียงพอและสม่ำเสมอเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดูแลสัตว์ป่า
ขณะที่ความร่วมมือครั้งนี้ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านอาหารสัตว์ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรของกรมอุทยานฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอกย้ำแนวทางอนุรักษ์สัตว์ป่าอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับภารกิจหลักของกรมในการรักษาและฟื้นฟูสัตว์ป่าให้คงอยู่คู่ธรรมชาติไทย
ความร่วมมือระหว่างซีพี แอ็กซ์ตร้า และกรมอุทยานฯ ในการส่งต่ออาหารส่วนเกินจึงเป็นทั้งการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้สัตว์ป่า และการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า พร้อมลดปริมาณขยะอาหารและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายของซีพี แอ็กซ์ตร้า ในการลดขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ภายในปี 2573

