KISS ดีดแรง 13% หลังโชว์กำไร Q3 โต 11% รับยอดขาย “สกินแคร์” ขยายตัว

KISS รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 โตแข็งแกร่งทั้งรายได้และกำไร จากแรงหนุนสินค้ากลุ่มสกินแคร์ พร้อมเดินหน้าปรับพอร์ต ตัดสินค้าหมุนเวียนช้า และรุกตลาดต่างประเทศ ลาว–เวียดนาม ตั้งเป้าปี 2569 โตสองหลักต่อเนื่อง


นายคอร์ราโด จาควินโต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า บริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยการเติบโตในระดับสองหลักทั้งรายได้และกำไรสุทธิ แม้ยังต้องบริหารจัดการสินค้าคงคลังกับร้านค้าปลีกอย่างใกล้ชิด เพื่อลดสินค้าที่หมุนเวียนช้าออกจากคลังสินค้า รวมถึงรับมือกับภาวะการบริโภคในหมวดหมู่สินค้าบางประเภทที่ชะลอตัวลง ผู้บริหารย้ำว่าพื้นฐานธุรกิจมีความแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะสร้างกรอบการเติบโตที่มั่นคงในปี 2569 โดยยังคงเป้าหมายการเติบโตระดับสองหลักต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไรสุทธิ

โดยผลประกอบการไตรมาส 3/2568 บริษัทมีรายได้รวม 329.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 61.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี บริษัทมีรายได้รวม 842.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 121.2 ล้านบาท โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยเฉพาะแบรนด์ “โรจูคิส” ที่มียอดขายเติบโตโดดเด่นร้อยละ 19 จากความนิยมอย่างต่อเนื่องของสินค้าหลัก เช่น Rojukiss Face-Eye-Neck, Rojukiss Reju PDRN และ Rojukiss Phyto-Retinol รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ Serum Treatment Pad, Reju PDRN Essence, Micellar Water, Sleeping Masks และ 10x Treatment Mask สูตร Vitamin B12 และ Caffeine Complex

ด้านช่องทางจัดจำหน่าย รายได้เติบโตสูงในช่องทาง Modern Trade ร้อยละ 31 ช่องทาง General Trade ร้อยละ 17 และ Cross-border channel ร้อยละ 97 เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ยอดขายออนไลน์ปรับลดลงร้อยละ 37 จากการบริหารเติมสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดมาส์กหน้า โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 19.0 ในไตรมาส 3/2568 จากร้อยละ 15.2 ในปีก่อน ส่วนกลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.4 จากร้อยละ 5.2

สำหรับการขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทเตรียมเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศลาวและเวียดนามภายในไตรมาส 4/2568 พร้อมตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้ถึงร้อยละ 10 ภายในปี 2569 และร้อยละ 20 ภายในปี 2573 ในปี 2569 บริษัทจะเดินหน้าบริหารจัดการสต็อกในร้านค้าปลีก ตัดจำหน่ายสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และขยายส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความแข็งแกร่งของแบรนด์ โครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และนวัตกรรมสินค้าเป็นแรงผลักดันหลัก

โดยล่าสุด ณ เวลา 14:19 น. ราคาหุ้น KISS อยู่ที่ระดับ 2.66 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 12.71% สูงสุดที่ระดับ 2.76 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.58 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 13.10 ล้านบาท

Back to top button