
ฝันร้ายดอกเบี้ย?
จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากพูดถึงเรื่อง “ดอกเบี้ย” มากนัก เพราะเหมือนเป็นการเดาใจผู้มีอำนาจควบคุมการเงินโลก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากเรื่องดังกล่าวได้
จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากพูดถึงเรื่อง “ดอกเบี้ย” มากนัก เพราะเหมือนเป็นการเดาใจผู้มีอำนาจควบคุมการเงินโลก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากเรื่องดังกล่าวได้ เพราะเรื่องดอกเบี้ยมันคือกลไกอย่างหนึ่งที่มีผลต่อเศรษฐกิจในช่วงที่กำลัง “เฟื่องฟู” และ “ตกต่ำ” ผนวกกับเรื่องดังกล่าวส่งผลต่อการโยกย้ายเงินทุนอย่างมีนัยสำคัญ จึงส่งผลโดยตรงกับการขึ้นลงของตลาดหุ้น (ดอกลด หุ้นขึ้น..ดอกขึ้น หุ้นลง) ไงล่ะคะ
เรื่องราวดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” จำเป็นต้องย้อนเรื่องกลับไปในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed มีมติ 10 ต่อ 2 เสียง ในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75–4.00% ตามที่นักการเงินคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ติดต่อกันในรอบปี หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ในสภาวะชะลอตัว และเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับ 3% นะซี
ถึงกระนั้นตลาดหุ้นทั่วโลกก็สะดุ้งโหยงเมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ “เจอโรม พาวเวลล์” โพล่งออกมาในทำนองว่า การประชุมครั้งสุดท้ายในเดือน ธ.ค. เพื่อพิจารณาเรื่องลดดอกเบี้ยยังไม่ชัวร์ และคำพูดดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นพลิกลบในทันที ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าอย่างรวดเร็ว รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ กลับขึ้นมายืนเหนือ 4% ซึ่งเป็นภาพที่สั่นสะเทือนในวงกว้างเจ้าค่ะ
ล่าสุดประเด็นลดดอกเบี้ยถูกจุดใหม่อีกครั้ง พร้อมกับอธิบายถึงความจำเป็นที่ว่า ตัวเลขจ้างงานชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อยังอยู่สูง หรือแม้กระทั่งเรื่องปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐ ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรงอีกครั้ง แต่ตลาดหุ้นไทยกลับเด้งรับข่าววันเดียวเท่านั้น ต่อจากนั้นก็ออกอาการรวนเหมือนเดิม อีฉันเลยอยากถามว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,261.18 จุด ลบไป 7.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.49 หมื่นล้านบาท ใช่อาการกลัวอะป่าว?
ที่น่าสนใจคือ กนง.จะมีการประชุมเรื่องดอกเบี้ยในวันที่ 17 ธ.ค. โดยกองเชียร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า น่าจะลดดอกเบี้ยลงอย่างแน่นอน หลังเศรษฐกิจไทยยังไม่กระเตื้องเท่าที่ควร จึงจำเป็นต้องรีบอัดยาอีกขนาน เพื่อทำให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศไทยมีความคล่องตัวขึ้นกว่าเดิมแบบนี้ ตลาดหุ้นไทยไม่ควรจะตกอยู่ในอาการซึมกะทืออีกต่อไป เพราะมีข่าวดีมารออยู่ตรงหน้าแล้วใช่ไหมเอ่ย?
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะพูดถึงการกู้วิกฤติ IPO ซึ่งเริ่มมีการพูดถึงแนวทางการแก้ปัญหาระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของชมรมไอบี ตลท. และสภาธุรกิจตลาดทุนไทยในเบื้องต้นนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นก้าวแรกที่น่าจะทำให้สถานการณ์ไอพีโอดีขึ้นกว่าเดิม เพราะหลังจากนี้จะมีการนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับสมาคม บลจ. และนักลงทุนสถาบัน เพื่อทำให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งไงล่ะคะ
สำหรับรายที่กลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกไม่เว้นในแต่ละสัปดาห์กลายเป็น ก.ล.ต. ไปเสียอย่างนั้น แถมแต่ละเรื่องที่ถาโถมเข้าใส่ก็หนักหน่วงเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องของ “เจ๊แอน” แห่งอาณาจักร JKN ซึ่งถูกกล่าวโทษในเรื่องแต่งบัญชี และถูกส่งเรื่องไปยัง DSI เพื่อดำเนินคดี แต่เจ๊แอนกลับหนีไปต่างประเทศได้แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบ DSI ซึ่งควรออกมาเล่าเรื่องราวให้สังคมหายแคลงใจไม่ใช่เหรอจ๊ะ
ตบท้ายกันที่การประชุมวิสามัญของหุ้นร้อน DUSIT ซึ่งเลื่อนมาจากวันที่ 26 ก.ย. 68 มาเป็นวันที่ 4 ธ.ค. 68 เวลา 14.00 น. ซึ่งเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Meeting น่าจะออกมาในแนวที่ว่า กลุ่มเซ็นทรัลฮุบ! หลังมีข่าวเม้าท์ออกมาไม่ขาดสายว่า จนป่านนี้ 3 พี่น้องที่มีปัญหาคาใจยังคุยกันไม่รู้เรื่องสักที! จึงจำเป็นต้องเปิดปฏิบัติการทุบโต๊ะเพื่อโหวตยึดอำนาจการบริหารแบบเบ็ดเสร็จ ไม่เช่นนั้นจะเละเทะไปกันใหญ่..จริงหรือไม่?..ลองไปสืบกันเอาเองนะออเจ้า
โมนิก้าและทีมงาน