AOT พุ่งต่อ 9% รับข่าวดี 2 เด้ง! ขึ้น PSC – ปิดดีลดิวตี้ฟรี โบรกอัพเป้าใหม่ 55 บาท

AOT ทะยานต่อ 9% รับข่าวดี กบร.ขึ้นค่า PSC พุ่งเป็น 1,120 บาท หนุนรายได้เพิ่ม 10,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน ดีลดิวตี้ฟรีกับคิง เพาเวอร์ จบสวยดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ด้านโบรกปรับราคาเป้าหมายใหม่ 55 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ธ.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ณ เวลา 10:07 น. อยู่ที่ระดับ 52 บาท บวก 4.50 บาท หรือ 9.47% สูงสุดที่ระดับ 52.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 50.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.01 พันล้านบาท

โดยราคาหุ้น AOT ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ ตอบรับข่าวดีหลัง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เปิดเผยว่า กบร.มีมติปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (Passenger Service Charge) เป็น 1,120 บาทต่อคน จากปัจจุบันเก็บที่ 730 บาทต่อคน  สำหรับท่าอากาศยานภายใต้การบริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย และหาดใหญ่ ส่วนค่า PSC เที่ยวบินภายในประเทศยังคงเดิมที่ 130 บาทต่อคน

ทั้งนี้ AOT คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศประมาณ 35 ล้านคนต่อปี คาดว่าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีก 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าน่าจะมีผลในอีก 4 เดือน หลังรมว.คมนาคมลงนาม

สำหรับการปรับขึ้นอัตราค่าบริการมีเป้าหมายหลักเพื่อการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบิน โดยมีเหตุผลสำคัญดังนี้ คือ ระดมทุน เพื่อนำรายได้ไปใช้ในการพัฒนาท่าอากาศยาน โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ทางทิศใต้ (South Terminal) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ สร้างแหล่งรายได้ด้วยตนเอง  ดังนั้นทอท. จำเป็นต้องหารายได้เองเพื่อใช้ในการลงทุน เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพางบประมาณจากรัฐบาลได้

ขณะเดียวกัน ก็จะช่วยยกระดับสู่ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub)  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับท่าอากาศยานสำคัญในภูมิภาคอย่าง สิงคโปร์ และฮ่องกง ทั้งในด้านการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางอากาศ

“AOT มีแผนพัฒนาท่าอากาศยานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและรองรับผู้โดยสารมากขึ้น เช่น การก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) 4 วงเงิน 20,000 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) วงเงิน 120,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคนต่อปี ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อให้แข่งขันกับท่าอากาศยานในระดับเดียวกันได้ เช่น ท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ จึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นค่า PSC เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนดังกล่าว”

โดยวัตถุประสงค์การใช้เงินงบประมาณที่ได้จากการปรับขึ้นค่าบริการจะถูกนำไปใช้เพื่อการลงทุนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อเพิ่มผลกำไรหรือจ่ายโบนัสพนักงาน

จากผลสำรวจความคิดเห็นและข้อมูลเปรียบเทียบ ทอท.ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นจากผู้โดยสารก่อนนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งได้ผลตอบรับดังนี้  ชาวต่างชาติ 90% กว่า ไม่ขัดข้องและพร้อมที่จะจ่ายเพิ่ม คนไทย 85% เห็นด้วยกับการปรับขึ้น และ 15% ไม่เห็นด้วย

โดยผลกระทบทางการเงินและกรอบเวลา รายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประเมินว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี (คำนวณคร่าว ๆ จากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 35-40 ล้านคนต่อปี)

ทั้งนี้ขั้นตอนการดำเนินงาน ทอท.และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ต้องจัดทำรายละเอียดและเอกสารที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ เมื่อเอกสารครบถ้วน จะมีการเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนามอัตราใหม่จะมีผลบังคับใช้อย่างน้อย 4 เดือน นับจากวันที่รัฐมนตรีลงนาม

ส่วนการปรับค่าบริการของสนามบินอื่น ๆ นอกเหนือจากท่าอากาศยานในสังกัด ทอท.ยังมีการเสนอขอปรับขึ้นค่าบริการของหน่วยงานอื่นด้วย ได้แก่ กรมท่าอากาศยาน  เสนอขอปรับขึ้นค่า PSC เฉพาะที่สนามบินตรัง ในประเทศ  จาก 50 บาท เป็นไม่เกิน 75 บาท ระหว่างประเทศ  จาก 400 บาท เป็นไม่เกิน 425 บาท

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge: PSC) จะช่วยให้ AOT นำไปเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและรองรับผู้โดยสาร ผลักดันประเทศไทยยกระดับเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า

ขณะที่การประชุมคณะกรรมการ AOT ที่มีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย เป็นประธาน เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจําหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ของบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ,ท่ าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานภูเก็ต,  ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ตามผลการเจรจาของคณะทำงานเจรจาเพื่อหาข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT โดยมีผลในทันที

“คิง เพาเวอร์ ยอมวางแบงก์การันตีเพิ่มให้เราอีก 3 เดือน จากที่วางไว้ก่อนหน้านี้ 6 เดือน ทำให้มั่นใจได้ว่าการชำระค่าเช่าไม่สะดุดแน่นอน” นางสาวปวีณา กล่าว

ทั้งนี้ใน 3 สัญญาหลัก มีการปรับแก้ไขรายละเอียดแนวทางการแก้ไขแต่ละท่าอากาศยานดังนี้ ได้แก่

1) สัญญาดิวตี้ฟรี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แนวทางแก้ไข AOT เรียกเก็บค่า MG ขั้นต่ำต่อคนลดลงจาก 371 บาทต่อคน เหลือ 232.90 บาทต่อคน โดยเก็บเป็นรายปี และมีการปรับเพิ่มขึ้น 5% ทุกปีอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการเจรจาส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) ส่วนเพิ่มอีก 35% ของมูลค่าซื้อสินค้าต่อผู้โดยสาร (Spending per Head) ส่วนเกิน ทำให้ AOT มีโอกาสมีรายได้เพิ่มหากการบินปรับตัวดีขึ้น ซึ่งมากกว่าสัญญาเดิมที่เก็บ 20% ตลอดอายุสัญญา พร้อมขยายเวลาสัญญาออกไปอีก 2 ปี สอดคล้องกับแผนสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) แล้วเสร็จในช่วงปี 2575 การขยายเวลาสัญญาจะครอบคลุมช่วงปิดซ่อมอาคารผู้โดยสารเดิมปี 2575-2578

2) ท่าอากาศยานดอนเมือง แนวทางแก้ไข AOT ยังคงการเรียกเก็บค่า MG ขั้นต่ำต่อตารางเมตร (ตร.ม.) โดยคิดเป็น 39,187.76 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และเรียกเก็บ Revenue Sharing 20% ตามสัญญาเดิม และหากอัตราการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารกลับมาเกิน 100% AOT จะกลับไปใช้อัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อตารางเมตรตามที่เคยตกลงไว้ก่อนหน้า พร้อมขยายเวลาสัญญา  5 ปี (นับรวมอายุสัญญาคงเหลือ) แต่หากก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร 3 ล่าช้าออกไปจนทำให้สัญญาของ KPD คงเหลืออายุสัญญาไม่ถึง 1 ปี ณ วันเปิดใช้อาคารอย่างเป็นทางการ AOT ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกสัญญา KPD เพื่อเปิดประมูลใหม่

3) ท่าอากาศยานภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่ แนวทางแก้ไข  AOT ยังคงการเรียกเก็บค่า MG ตามเดิม 129.67 บาทต่อคน โดยเรียกเก็บเป็นรายปี และมีปรับเพิ่ม 5% ทุกปีอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2573 เนื่องจากสภาพการใช้จ่ายของผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานภูมิภาค และปริมาณผู้โดยสารปรับตัวลงอย่างมากภายหลังสถานการณ์โควิด-19 หรือเทียบเท่าค่าเฉลี่ยตลอดสัญญาที่ 134.70 บาทต่อคน  AOT เจรจา Revenue Sharing ส่วนเพิ่มอีก 35% ของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของลูกค้าต่อคนต่อครั้ง หรือรายได้เฉลี่ยต่อผู้โดยสารต่อหัว (ในสนามบิน/ร้านค้า) ส่วนเกิน

ทั้งนี้หลังการแก้ไขสัญญาแล้ว ในอนาคตหากธุรกิจกลับมาเหมือนเดิมตามข้อเสนอการดำเนินงานกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Proposal) ของ KPD ทาง AOT ขอสงวนสิทธิ์ที่จะขอเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนเดิมตามที่ KPD เสนอใน Proposal

ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด  เปิดเผยว่า ทางคิง เพาเวอร์ มิได้มีข้อโต้แย้งใด ๆ เพิ่มเติม เนื่องจาก AOT ได้เปิดโอกาสให้โต้แย้งในช่วงกระบวนการเจรจาไปแล้ว เมื่อผ่านกระบวนการนั้น การวินิจฉัยของ AOT ถือเป็นที่สิ้นสุด

ขณะนี้คิง เพาเวอร์ จึงอยู่ระหว่างรอหนังสือแจ้งจาก AOT อย่างเป็นทางการ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าหลักการจะเหมือนกับที่ AOT แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่จะมีรายละเอียดมากกว่า และยังไม่ทราบว่า AOT จะต้องให้คิง เพาเวอร์ ส่งเอกสารใด ๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ ก่อนจะลงนามในสัญญาที่แก้ไขใหม่ ซึ่งยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับฝ่าย AOT

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของค่า PSC จะมีผลต่อราคาเป้าหมายของ AOT ดังนี้ ทุกการเปลี่ยนแปลงของ PSC ระหว่างประเทศ (Inter) 100 บาท จะเพิ่มอัพไซด์ราคาเป้าหมาย 3.25 บาท ดังนั้น PSC ระหว่างประเทศ (Inter) 390 บาท จะเพิ่มอัพไซด์ราคาเป้าหมาย ประมาณ 12.68 บาท

นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายด้วยวิธี Sum of the part (SoTP) จาก 48 บาท เป็น 55 บาท โดยพิจารณาจากการปรับเพิ่มประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) และการปรับการประเมินมูลค่าหุ้นมาเป็นปีงบประมาณ 2569 (ประมาณการ) ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้จากสัญญาปลอดภาษีของ King Power ที่สนามบินสุรรณภูมิ รวมถึงการขยายสัญญาและการเพิ่มส่วนแบ่งรายได้จากสัญญาปลอดภาษีอื่น ๆ ของ AOT-King Power คิดว่าการปรับขึ้น PSC จะเป็นอีกปัจจัยบวกสำคัญที่ AOT ให้ความสำคัญ และคิดว่าจะเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมเพื่อผลักดันให้ราคาหุ้นของ AOT ปรับตัวสูงขึ้น

นักวิเคราะห์ประเมินว่า AOT จะได้กำไรเพิ่มขึ้นจากสัญญาดิวตี้ฟรีใหม่ราว 1,000-4,000 ล้านบาทต่อปี ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของผู้โดยสาร, การใช้จ่ายต่อหัว (และรายได้จากอาคารผู้โดยสารใหม่ในปี 2575 โดยรายได้ส่วนเพิ่มเหล่านี้แทบไม่มีต้นทุน ทำให้ผลบวกสะท้อนเข้ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10–20% สำหรับราคาเป้า AOT หมายปัจจุบัน (ยังไม่รวม Upside จากสัญญาใหม่ครั้งนี้) อยู่ที่ 48 บาทต่อหุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุ PSC เพิ่มขึ้น 300 บาท ผู้โดยสาร inter จะมี upside กำไร อีก 3-5% รวมเรื่องสัญญาดิวตี้ฟรี น่าจะมี upside กำไรเพิ่มเป็น 10% คือ จากราคาเป้าหมายในปัจจุบันที่ 47 บาท ปรับเพิ่มเป็น 52 บาท คงคำแนะนำ”ซื้อ”

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)  หรือ KSS มองว่ามติบอร์ดครั้งนี้เป็น บวกต่อ AOT เนื่องจากเงื่อนไขที่เสนอให้ King Power อยู่ในระดับที่ดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ เบื้องต้นประเมินว่า มี Upside ต่อราคาเป้าหมายประมาณ 3–4 บาท ทั้งในกรณี Base Case และ Best Case ราคาเป้าหมายกรณี Best case 45.75 บาท

Back to top button