โบรกแนะ “MTC-TIDLOR” น่าลงทุน หลัง ธปท.ขยายจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต 8%

ธปท.ขยายมาตรการช่วยลูกหนี้บัตรเครดิตถึงสิ้นปี 69 คงชำระขั้นต่ำ 8% ลดเสี่ยงหนี้เสีย หนุนสภาพคล่องผู้มีรายได้ปานกลาง ขณะโบรกมองบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ พร้อมชู MTC–TIDLOR เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม


ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาหนี้ครัวเรือน รวมถึงหนี้บัตรเครดิต อย่างไรก็ดี ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม เนื่องจากรายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ ในการนี้ ธปท. จึงเห็นควรขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้บัตรเครดิตออกไปจนถึงสิ้นปี 2569 จากเดิมที่จะมีผลสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ผ่อนปรนอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำ (minimum payment) ของบัตรเครดิตเป็นการชั่วคราว โดยกำหนดให้ยังอยู่ที่ร้อยละ 8 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ โดย ธปท. จะติดตามและประเมินผลของมาตรการอย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำที่เหมาะสมในระยะต่อไป

ลูกหนี้ที่ผ่อนชำระหนี้ขั้นต่ำมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 8 จะได้รับเครดิตเงินคืนเทียบเท่ากับ
การลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ของยอดค้างชำระโดยได้รับคืนทุก 3 เดือน เพื่อจูงใจให้ลูกหนี้ปิดจบหนี้เร็วขึ้นและมีภาระดอกเบี้ยลดลง

ลูกหนี้ที่ไม่สามารถจ่ายได้ถึงร้อยละ 8 สามารถใช้สิทธิปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสีย โดยเปลี่ยนประเภทหนี้ของบัตรเครดิตไปเป็นสินเชื่อระยะยาว (term loan) เพื่อจ่ายชำระเป็นงวด โดยลูกหนี้จะยังมีโอกาสได้สภาพคล่องจากวงเงินบัตรเครดิตส่วนที่เหลือทั้งนี้ ธปท. กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตต้องเสนอเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้เพิ่มเติมด้วย เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดโอกาสลูกหนี้จะกลายเป็นหนี้เสีย

ทั้งนี้ สอดคล้องฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่าจากข้อมูลล่าสุดของอุตสาหกรรม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 สินเชื่อบัตรเครดิตมีมูลค่ารวม 479,000 ล้านบาท โดย 51% อยู่ในกลุ่มธนาคาร และอีก 49% อยู่ในกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันอยู่ที่ 469,000 ล้านบาท และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถแบบมีหลักประกันอยู่ที่ 387,000 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่ไม่ใช่ธนาคาร พบว่า บัตรเครดิตกรุงไทย (KTC) มีส่วนแบ่งตลาดราว 14.5% ด้วยยอดสินเชื่อบัตรเครดิต 69,400 ล้านบาท ส่วนอิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) (AEONTS) มีส่วนแบ่งประมาณ 7.6% หรือ 36,200 ล้านบาท ทั้งสองบริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเติม (management overlay) ตั้งแต่ต้นปี หลังจากก่อนหน้านี้มีการกำหนดอัตราการชำระเงินขั้นต่ำของบัตรเครดิตกลับเป็น 10% (ระดับก่อนโควิด) ในเดือนมกราคม 2026

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าการคงอัตราชำระขั้นต่ำไว้ที่ 8.0% จะช่วยลดความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่จะอ่อนตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 สำหรับผู้ให้บริการบัตรเครดิต รวมถึงช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้ารายได้ปานกลางถึงล่างซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก

โดยข้อมูลผลประกอบการรายไตรมาสล่าสุดระบุว่า อัตราส่วนสำรองหนี้สูญของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC อยู่ที่ 426% และของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS อยู่ที่ 167%

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC โดยให้มูลค่าพื้นฐานที่ 55 บาท และบริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดยให้มูลค่าพื้นฐานที่ 25 บาท

Back to top button