PTG ซดก๋วยเตี๋ยวเรือ

ถ้าพูดถึงธุรกิจปั๊มน้ำมันนอกจากจะแข่งขันกันดุเดือดแล้ว ยังมีความเสี่ยงจากการถูกภาครัฐแทรกแซงค่าการตลาดอยู่เป็นระยะ ๆ


ถ้าพูดถึงธุรกิจปั๊มน้ำมันนอกจากจะแข่งขันกันดุเดือดแล้ว ยังมีความเสี่ยงจากการถูกภาครัฐแทรกแซงค่าการตลาดอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ให้ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันต้องหันมาปลุกปั้น Non-oil ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตแทน เพราะนอกจากจะช่วยสร้างระบบนิเวศภายในปั๊มให้ครบครัน ดึงให้คนเข้าปั๊มมากขึ้นแล้ว…ที่สำคัญยังมีมาร์จิ้นที่สูงด้วยนะจิบอกให้..!!

ที่ผ่านมาจึงเห็นบรรดาปั๊มสีต่าง ๆ แข่งกันเติม Non-oil อย่างขะมักเขม้น หนึ่งในนั้นคือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เจ้าของปั๊ม PT ของ “กลุ่มรัชกิจประการที่เปิดเกมรุกหนัก Non-oil ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Max Mart, Coffee World, Subway, Autobacs, Max Camp, Maxnitron, EleX by EGAT PT แต่ไฮไลต์คงหนีไม่พ้นการโหมขยายกาแฟพันธุ์ไทยที่มีเป้าหมายต้องพุ่งชนภายในปี 2571 เพิ่มเป็น 5,000 สาขา กระจายในทุกอำเภอทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีกว่า 1,885 สาขาทั่วประเทศ

โดยกลยุทธ์เน้นสัดส่วนร้านที่เปิดเอง 80% และแฟรนไชส์ 20% เพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการ…ไม่ให้เสียชื่อแบรนด์เค้าล่ะ..

หลังจากในระบบนิเวศน์ของ PTG มีทั้งร้านสะดวกซื้อในปั๊ม ร้านกาแฟ ร้านฟาสต์ฟู้ดสัญชาติเมริกัน ธุรกิจล้างรถไปแล้ว ที่ยังไม่มีคงเป็นอาหาร Street Food เลยเป็นที่มาของการจัดตั้งบริษัทลูกแห่งใหม่เอี่ยมอ่องที่ชื่อ บริษัท ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย จำกัด มีภารกิจในการปั้นแบรนด์ “ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย” 

หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย..??

ต้องไปย้อนดูข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 จะอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปี 2567 โดยเฉพาะตลาดร้านอาหาร Street Food ที่มีหน้าร้านคาดว่าจะเติบโต 4.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 261,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดร้านอาหารโดยรวมประมาณ 562,000 ล้านบาท

ขณะที่ก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นอาหารจานเดียวที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยมายาวนาน เป็นเมนูที่ได้รับความนิยม เข้าถึงง่าย สามารถทานได้ทุกวัน

ประกอบกับ PTG มั่นใจว่าตัวเองมีของ นั่นคือ ฝ่าย Research & Development ที่แข็งแรง สามารถคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเมนูใหม่ ๆ ที่มีรสชาติแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์…จะถูกปากคนไทยว่างั้น..??

PTG เลือกทำเลย่านรังสิตคลอง 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือจำนวนมาก และเป็นที่รู้จัก เป็นเวทีในการแจ้งเกิดให้กับก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทยสาขาแรก ก่อนจะขยายมาสู่สาขาที่ 2 คลองหลวง 8 จ.ปทุมธานี และเตรียมจะเปิดให้บริการสาขาคลองหลวง 3 ในปลายปีนี้ โดยมีแผนขยายสาขาเชิงรุก ในปี 2569 ตั้งเป้าเปิดทั้งหมด 50 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แบ่งเป็นสาขาในและนอกปั๊มอย่างละ 50% โดยสาขานอกปั๊มจะเน้นแหล่งชุมชนเมือง ออฟฟิศ และ CBD 

ต้องยอมรับว่า ด้วยจุดแข็งของ PTG ที่มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง ทำให้มีแต้มต่อในการขยายธุรกิจครั้งนี้ อันดับแรก มีฐานลูกค้าอยู่ในมือไม่ว่าจะเป็นบัตร MaxCard, PT Max Card Plus หรือบัตรแดง PT ทำให้รู้ Behavior ของลูกค้าเป็นอย่างดี

ขณะเดียวกันก็สามารถคุมการทำโปรโมชันต่าง ๆ ได้ เนื่องจากอยู่ในระบบนิเวศของตัวเอง…ล่าสุดออกโปรโมชันฉลองเปิดร้านใหม่ สาขาคลองหลวง 8 ตลอดเดือน ธ.ค. 2568 โดยสมาชิก Max Card Plus/EV รับสิทธิ์ซื้อก๋วยเตี๋ยวเรือแบบ A la cart 1 แถม 1 (ยกเว้นเมนูและเส้นพิเศษ) 1 สิทธิ์ต่อ 1 ใบเสร็จ ส่วนสมาชิก Max Card ทุกประเภท รับสิทธิ์ซื้อเซตสุดคุ้ม ก๋วยเตี๋ยวเรือ แคบหมู น้ำสมุนไพร ราคาพิเศษ เซตหมู 99 บาท (จากปกติ 149 บาท) และเซตเนื้อ 109 บาท (จากปกติ 159 บาท)

ขณะที่ลูกค้าทั่วไป หากรีวิว Google Map รับคูปองเครื่องดื่มเย็นฟรี 1 แก้วที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทย สาขาคลองหลวง 8 

เป็นการกระตุ้นยอดขาย “ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย” และ “กาแฟพันธุ์ไทย” ไปพร้อม ๆ กัน…

ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ PTG ในการเปิดเกมรุก Non-oil เพื่อเป็นการเติมเต็มระบบนิเวศของตัวเอง…

ว่าแต่รอบนี้ PTG ซดก๋วยเตี๋ยวเรือไปแล้ว รอบหน้าจะทำธุรกิจอะไรอีกล่ะเนี่ย..?? อยากรู้จัง…

อ้อ…ถ้าดูจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนในปี 2568 ของ PTG ที่มีรายได้จาก Non-oil อยู่ที่ 17,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำว่าวันนี้ Non-oil ไม่ใช่แค่รายได้เสริมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นอนาคตใหม่ที่สดใสของผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันในอีกไม่ช้า…เชื่อขนมกินได้เลย

แต่ตอนนี้ชักหิวแล้วสิ…แหม๊ นี่ถ้าได้กินก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทยสักชามคงดีไม่น้อย…

ไม่รู้ของเค้าจะอร่อยสมราคาคุยอ๊ะป่าว..??

…อิ อิ อิ…

Back to top button