THAI-AAV-AOT บวกต่อ! รับอานิสงส์ “นักท่องเที่ยว” ทะลักไทย

THAI-AAV-AOT กอดคอบวกต่อ! รับสัญญาณฟ้าเปิด วิทยุการบินคอนเฟิร์มเที่ยวบินปี 69 แตะ 9.28 แสนไฟลต์ จีนจ่อเข้า 8 ล้านคน ดันดีมานด์ท่องเที่ยวคึก โบรกฯ เพิ่มน้ำหนักกลุ่มบิน-ท่องเที่ยว จับตางบ Q4/68 ต่อเนื่อง Q1/69 โดดเด่น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ธ.ค.68) ราคาหุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ณ เวลา 10:30 น. นำโดย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 9.20 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.22% สูงสุดที่ระดับ 9.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.95 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141.11 ล้านบาท

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ AAV ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.26 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 2.44% สูงสุดที่ระดับ 1.26 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.23 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16.32 ล้านบาท

 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 53.75 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.47% สูงสุดที่ระดับ 54.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 53.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 372.70 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ (15 ธ.ค. 68)โดยราคาหุ้นกลุ่มสนามบินและสายการบิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ทั้ง AOT, THAI, AAV และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA, จากแรงหนุนเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยวหนุนความต้องการเดินทางทั้งในและต่างประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบรรยากาศการลงทุนยังได้รับแรงเสริมจากความเชื่อมั่นด้านการบิน หลังมีกระแสข่าวยืนยันว่า น่านฟ้ายังคงเปิดทำการและสามารถให้บริการเที่ยวบินได้ตามปกติ ช่วยคลายความกังวลของตลาดจากประเด็นสถานการณ์บริเวณชายแดนกัมพูชา และหนุนมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มดังกล่าว

 9 แสนเที่ยวบินทะลักไทย

นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า บวท.คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินปีงบประมาณ 2569 (ต.ค. 68-ก.ย. 69) รวม 928,165 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 473,364 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศ 343,422 เที่ยวบิน เที่ยวบินบินผ่านน่านฟ้า 111,379 เที่ยวบิน โดยมีปริมาณเที่ยวบินเฉลี่ย 2,543 เที่ยวบินต่อวัน

ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2568 (ก.ย. 67-ต.ค. 68) ประเทศไทยปริมาณเที่ยวบินรวม 904,796 เที่ยวบิน และเพิ่มขึ้นช่วงปลายปีซึ่งจากตารางบินฤดูหนาว (Winter Schedule) เดือนธันวาคม 2568 มีปริมาณเที่ยวบินรวม 84,543 เที่ยวบินและในเดือนมกราคม 2569 คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวม 87,835 เที่ยวบิน

โดยช่วงวันหยุดต่อเนื่องช่วงปีใหม่ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2568-7 มกราคม 2569 รวม 10 วัน คาดการณ์ว่าจะมีเที่ยวบินรวม 27,632 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 2,763 เที่ยวบิน

จีนทะลักเข้าไทย 8 ล้าน

จากงานสัมมนาเรื่อง “จับชีพจรนักท่องเที่ยวจีน : โอกาสและความท้าทายในปี 2026” เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยนายชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวจีนที่เริ่มส่งสัญญาณบวกชัดเจน หลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2568

โดยประเมินว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนไตรมาส 1/2569 จะเห็นการฟื้นตัวเด่นชัด และตลอดปี 2569 คาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยอาจพุ่งแตะระดับ 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2568 ที่คาดไว้ราว 4.1 ล้านคน ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการเสด็จฯ เยือนจีนของในหลวง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สร้างความเชื่อมั่นด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการกลับมาของกรุ๊ปทัวร์จีนอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับช่วงตรุษจีนระหว่างวันที่ 17 ก.พ.-3 มี.ค. 2569 คาดการณ์เติบโตแบบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จะโดดเด่น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ญี่ปุ่นจำกัดนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ตลาดทัวร์จีนเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยประเด็นความตึงเครียดไทย-กัมพูชา มองว่ามีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวค่อนข้างจำกัด

6 สายการบินลดค่าตั๋ว

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (Civil Aviation Authority of Thailand : CAAT) ได้หารือร่วมกับสายการบินจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI และสมาชิกสมาคมสายการบินประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท บางกอกแอร์เวย์ส จำกัด (มหาชน) หรือ BA, บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด หรือ AAV, บริษัท นกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK, บริษัท ไทยไลอ้อนแอร์ จำกัด หรือ TLM และบริษัท ไทยเวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อก จำกัด หรือ VZ

ทั้งนี้ การหารือดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อจัดทำแผนลดราคาค่าบัตรโดยสาร และเพิ่มจำนวนที่นั่งรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2568-4 มกราคม 2569 โดยมีมาตรการสำคัญดังนี้ 1)ลดราคาค่าบัตรโดยสารร้อยละ 30 จากเพดานราคา จำนวน 202 เที่ยวบิน รวม 36,320 ที่นั่ง 2)ปรับเปลี่ยนแบบอากาศยานเป็นขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มที่นั่ง จำนวน 302 เที่ยวบิน คิดเป็น 70,400 ที่นั่ง รองรับทั้งเส้นทางเมืองหลักและเมืองรอง

นอกจากนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT  จะให้ส่วนลดค่าบริการ Landing Charge และ Parking Charge 30% สำหรับเที่ยวบินพิเศษในช่วงเทศกาล รวมถึงเที่ยวบินที่เข้าร่วมโครงการลดราคาค่าบัตรโดยสาร

เพิ่มน้ำหนักท่องเที่ยว-การบิน

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มสายการบินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักหลายประการผสมผสานกัน ได้แก่ การเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ซึ่งเป็นปัจจัยตามฤดูกาล, แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่คาดว่าจะเปลี่ยนเส้นทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวปีหน้า อันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมจากมาตรการภาครัฐที่อยู่ระหว่างการหารือเพื่อลดค่าโดยสารของ 6 สายการบินรวมถึงปัจจัยบวกเฉพาะตัวของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่เกี่ยวข้องกับการปรับค่าบริการผู้โดยสาร (PSC) ซึ่งส่งผลให้หุ้นในกลุ่มนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น AOT, การบินไทย, AAV และ BA ได้รับความสนใจจากตลาด

จากการประเมินเบื้องต้น สามารถระบุปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสายการบินได้ดังนี้ การเข้าสู่ช่วง High Season ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลบวกต่อภาพรวมของอุตสาหกรรม ถึงแม้ว่าตัวเลขนัก ท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ต้นปี (Year-to-date) จะยังไม่เติบโตและลดลงเล็กน้อย แต่การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อเทียบแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ (Week-on-week) อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการฟื้นตัว

รวมทั้ง การเบี่ยงเบนเส้นทางของนักท่องเที่ยวจีน ประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการเดินทางของนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มหลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น และเช่นกันนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นก็หลีกเลี่ยงการเดินทางไปจีน ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางทดแทนที่ได้รับความนิยม โดยมีการอ้างอิงถึงข้อมูลจาก “สมาคมท่องเที่ยวไทย-จีน” ที่คาดการณ์ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น “เท่าตัว” ในปีหน้า

โดยปรากฏการณ์นี้ นับเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เมื่อมีประเด็นความขัดแย้งลักษณะเดียวกัน จะเห็นจำนวนนัก ท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการกล่าวถึงมาตรการลดค่าโดยสารของสายการบิน 6 แห่ง มาตรการนี้ถูกมองว่าเป็นปัจจัยเสริม  ที่จะส่งผลดีต่อทั้งด้านราคา (Price) และจำนวนผู้โดยสาร

นอกเหนือจากปัจจัยบวกโดยรวมของอุตสาหกรรมแล้ว AOT ยังมีประเด็นเฉพาะตัวที่สนับสนุนราคาหุ้น คือ การปรับค่า PSC (Passenger Service Charge – PSC)

สำหรับหุ้นที่ได้รับอานิสงส์ปัจจัยบวกที่กล่าวมาข้างต้นส่งผลกระทบวงกว้างต่อหุ้นทั้งกลุ่ม ประกอบด้วย  AOT, THAI, AAV  และ  BA

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ได้ปรับน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวเป็น “มากกว่าตลาด” (Overweight) จากเดิม “เท่ากับตลาด” รับปัจจัยบวกช่วง Q4/68-Q1/69 ที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดในไทย ประกอบกับนักท่องเที่ยวจีนผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

ขณะที่ Valuation ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ PER เพียง 13 เท่า จากไตรมาสก่อนที่ราว 20 เท่า และยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดซึ่งอยู่แถว 35 เท่า โดยยังคงเลือก CENTEL และ ERW เป็นหุ้นเด่น (Top Picks) ของกลุ่มท่องเที่ยวในระยะถัดไป

Back to top button