MPJ วางแผนปี 69 ขยายลานตู้คอนเทนเนอร์–โซลูชันโลจิสติกส์ ดันรายได้โต 30%

MPJ ส่งซิกปีนี้รายได้ทะลุ 1 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 69 รายได้เติบโต 20–30% เดินหน้าลงทุนพื้นที่ลาดกระบัง-แหลมฉบัง–ระยอง เสริมโซลูชันโลจิสติกส์ครบวงจร และขยายบริการพื้นที่ลานตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมใช้รถบรรทุกรถ EV เริ่มแรก 30 คันรองรับการเติบโตระยะยาว


นายไพรัต ภูฆัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงินบริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ระดับ 1,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ปี 2569 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตประมาณ 20–30%

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโซลูชันด้านโลจิสติกส์ผ่านการเข้าซื้อพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณใกล้พื้นที่เดิมในเขตแหลมฉบังประมาณ 40 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในการพักสินค้า บรรจุสินค้า และส่งออกผ่านท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึงขยายพื้นที่ให้บริการด้านตู้คอนเทนเนอร์

ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 4 ส่วน ได้แก่ 1.ธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์และการให้บริการตู้ 2.ธุรกิจขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากท่าเรือไปยัง ICD และโรงงานเพื่อการส่งออก 3.ธุรกิจบริหารจัดการขนส่งในลักษณะผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และ 4.ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้า

บริษัทมีคลังสินค้าที่แหลมฉบัง 1 หลัง และระยอง 1 หลัง พร้อมแผนขยายคลังสินค้าระยองเฟส 2 ซึ่งคาดว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 12 เดือน คาดแล้วเสร็จราวช่วงต้นปี 2570

สำหรับธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์ บริษัททำหน้าที่เป็นจุดพักเก็บตู้สำหรับสายเรือและลูกค้า เพื่อหมุนเวียนตู้ไปบรรจุสินค้า ส่งออก และนำตู้กลับมาซ่อมแซมและทำความสะอาด ก่อนหมุนเข้าสู่ระบบอีกครั้ง โดยความสามารถในการเติบโตขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการบริหารรอบหมุนของตู้และความรวดเร็วในการซ่อมบำรุง ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณการให้บริการและการรับรู้รายได้ อีกทั้งธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะการรับเงินสดล่วงหน้าเป็นสัดส่วนสูงถึง 50% ส่งผลให้กระแสเงินสดของบริษัทมีความแข็งแรง

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ บริษัทระบุว่ากำไรที่เคยผันผวนในอดีตส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการทำ IPO ขณะที่ปัจจุบันผลจากการลดต้นทุนทางการเงินทำให้อัตรากำไรปรับดีขึ้นจากเดิมราว 9% มาอยู่ที่ประมาณ 11% และบริษัทตั้งเป้าจ่ายเงินปันผลในระดับประมาณ 60% ของกำไรสุทธิ โดยปีที่ผ่านมาได้จ่ายปันผลไปแล้วในระดับ 63% นอกจากนี้ บริษัทยังประเมินว่าธุรกิจมีความเชื่อมโยงกับภาพรวมเศรษฐกิจและการนำเข้าส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกซึ่งเป็นปัจจัยหลัก หากการส่งออกหดตัวต่อเนื่องอาจกระทบต่อธุรกิจได้ ขณะที่ปัจจุบันยังเห็นการส่งออกเติบโต ทำให้ภาพรวมยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี บริษัทประเมินว่าความเสี่ยงสำคัญประกอบด้วยความผันผวนจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และการค้าระหว่างประเทศรวมถึงแรงกดดันด้านต้นทุนและการแข่งขันด้านราคา ซึ่งผู้ให้บริการต้องสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เทรนด์กรีนโลจิสติกส์ยังเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินงานบริษัทมีแผนทยอยใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบเช่าเพื่อจากขนส่ง เริ่มต้นจำนวน 30 คันในครึ่งแรกของปี 2569 และเพิ่มอีก 20 คันในครึ่งหลังของปี 2569 พร้อมทั้งยืนยันว่าได้ประเมินข้อมูลด้านการเงินและการสนับสนุนจากสถาบันการเงินของผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจในการดำเนินแผนดังกล่าว

ด้านการเติบโตในอนาคต บริษัทระบุว่าจะเน้นการขยายธุรกิจในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปตามศักยภาพการก่อหนี้และการลงทุนในธุรกิจที่ต่อยอดจากฐานเดิม รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนาธุรกิจในลักษณะตัวแทนสายเรือสำหรับเส้นทางย่อยที่สายเรือขนาดใหญ่เข้าไม่ถึง โดยคาดว่าระยะแรกยังมีรายได้ไม่มากและจะเริ่มทดลองดำเนินการเพื่อเรียนรู้กระบวนการก่อน

บริษัทประเมินว่าการย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี เนื่องจากเกณฑ์กำไรที่ต้องการอยู่ในระดับสูง พร้อมยอมรับว่า หากต้องการเร่งการเติบโต บริษัทอาจพิจารณาทางเลือกในการควบรวมกิจการกับธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่องกัน หากพบโอกาสที่เหมาะสมและสามารถสร้างประโยชน์ร่วมกันได้ นายไพรัต กล้าวทิ้งท้าย

Back to top button