TTB พุ่ง 5% รับข่าวซื้อหุ้นคืนรอบ 2 วงเงิน 8.9 พันลบ. โบรกเคาะเป้า 2.20 บาท

TTB พุ่งต่อ 5% หลังยืนยันโครงการซื้อหุ้นคืนปี 69 วงเงิน 8.9 พันล้านบาท  บล.ทิสโก้มองบวกจากขนาดโครงการใหญ่ขึ้นและระยะเวลาซื้อสั้น หนุน EPS/DPS พร้อมคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ ราคาเหมาะสม 2.20 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ธ.ค. 68) ราคาหุ้น ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ณ เวลา 14:27 น.  อยู่ที่ระดับ 2.08 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 4.52% สูงสุดที่ระดับ 2.08 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.99 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,617.88 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าหลังจากที่ TTB ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่าจะดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนทุกปีเป็นเวลาสามปี (2568-2570) เมื่อวานนี้ TTB ได้ยืนยันโครงการดังกล่าวสำหรับปี 2569 โดยใช้งบประมาณ 8.9 พันล้านบาท ราคาซื้อเบื้องต้นกำหนดไว้ที่ 1.90–2.00 บาท และธนาคารจะสรุปราคาซื้อที่แน่นอนในวันที่ 5 มกราคมปีหน้า ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนอยู่ที่ 4.5–4.7 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.58%–4.80% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด โดยกำหนดช่วงเวลาซื้อระหว่างวันที่ 22 มกราคม ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2569

ทั้งนี้ มุมมองของฝ่ายนักวิเคราะห์ 1.โครงการนี้มีความเป็นบวกมากกว่าที่คาดไว้ จากขนาดโครงการที่ใหญ่ขึ้น โดยในปีนี้ TTB ซื้อหุ้นคืนเพียง 2.7 พันล้านหุ้น (2.8% ของทุนชำระแล้ว) ดังนั้น โครงการปี 2569 อาจมีขนาดใหญ่กว่าประมาณ 74% เมื่อเทียบกับประมาณการปี 2568

2.ฝ่ายวิเคราะห์สังเกตว่าช่วงเวลาการซื้อหุ้นคืนสั้นลงมากเช่นกัน โดยในปีนี้ใช้เวลาเพียง 10 วันทำการ เทียบกับ 6 เดือนในโครงการปีแรก ซึ่งอาจช่วยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้นได้ด้วย

3.หากโครงการปีที่สองประสบความสำเร็จตามแผน ธนาคารอาจสามารถซื้อหุ้นคืนได้มากถึง 7.56% ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด เชื่อว่าธนาคารอาจยกเลิกหุ้นที่ซื้อคืนหลังครบ 3 ปี เมื่อโครงการสิ้นสุดลง จำนวนหุ้นที่ลดลงจะช่วยพยุง EPS/DPS เมื่อ tax shield หมดอายุในช่วงต้นปี 2570 ธนาคารน่าจะซื้อหุ้นคืนรวมประมาณ 10% ของทุนชำระแล้วหลังจบโครงการ 3 ปี ดังนั้น หากกำไรสุทธิทั้งปีในปีนั้นไม่ลดลงเกิน 10% จากปีปี 2568 ธนาคารจะสามารถรักษาระดับ EPS/DPS ไว้ได้

ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TTB ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 2.20 บาท โดยมองว่ากลุ่มธนาคารจะเผชิญแรงกดดันจากรายได้รวมที่ลดลงในปีหน้า จากการไม่มีรายได้จากการลงทุนและรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า TTB จะสามารถลด credit cost ได้จากการปรับลด management overlay เพื่อช่วยพยุงกำไรสุทธิ รายได้จากการลงทุนของ TTB ในปีนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น ๆ แม้เราจะเห็นความเสี่ยงด้าน downside ของ DPS ในปี 2569 แต่เเชื่อว่าความเสี่ยงดังกล่าวมีจำกัดสำหรับ TTB

Back to top button