ธปท.ชี้ธุรกรรม “ทองออนไลน์” โตแรง ชงคลังดูแล หลังมูลค่าสูงแตะ 50℅ ของ GDP

ผู้ว่าการ ธปท. ชี้ธุรกรรมทองคำออนไลน์ขยายตัวรวดเร็ว กระทบค่าเงินบาท เสนอคลังเข้ามาควบคุมดูแล หลังประเมินมูลค่าธุรกรรมอาจสูงถึง 50% ของ GDP ย้ำการซื้อขาย USDT ในไทยไม่เกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ธ.ค. 2568) นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Driving Thailand Toward Sustainable Wealth : เปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยเพื่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน” ในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี “Thailand Next Move 2026 : Wealth Creation ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน” จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร

นายวิทัย กล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทว่า ได้เสนอให้กระทรวงการคลังเข้าไปควบคุมดูแลธุรกรรมทองคำ โดยเฉพาะการซื้อขายทองคำผ่านแอปพลิเคชัน รวมถึงทองคำในรูปแบบสัญญาหรือเอกสาร (paper gold) ซึ่งเป็นธุรกรรมที่มีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่เห็นข้อมูลภาพรวมที่ชัดเจน และยังไม่มีสถิติภาพรวมของธุรกรรมดังกล่าว

นายวิทัย ระบุว่า จากการประเมินโดยหยาบ ๆ คาดว่ามีผู้ค้าทองคำรายใหญ่ประมาณ 15 ราย ที่ทำธุรกรรมทองคำผ่านแอปฯ และในรูปแบบ paper gold โดยมูลค่าธุรกรรมอาจอยู่ในระดับสูงมากเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ และประเมินว่าอาจมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นธุรกรรมที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

นายวิทัย อธิบายว่า ทุกครั้งที่เกิดการซื้อขายทองคำ ผู้ค้าทองคำรายใหญ่จะบริหารความเสี่ยงโดยการปิดสถานะในฝั่งทองคำ และปิดสถานะในฝั่งเงินตราต่างประเทศผ่านตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange) โดยหากราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น และลูกค้ามีการขายทองคำในรูปแบบสัญญาหรือเอกสาร ผู้ค้าทองคำจะขายเงินดอลลาร์สหรัฐและซื้อเงินบาท ส่งผลให้เงินบาทมีแรงแข็งค่า

ทั้งนี้ นายวิทัย ระบุว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ ในช่วงวันที่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอย่างรวดเร็ว ปริมาณการซื้อขายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 20

“วันที่ค่าเงินบาทแข็งเร็วที่สุดวันหนึ่ง ค่าเงินบาทปรับจากระดับ 31.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็น 31.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการขายดอลลาร์ทั้งหมดมาจากร้านทองและผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 2–3 ราย ซึ่งมีบัญชีซื้อขายคิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของปริมาณการขายดอลลาร์ทั้งหมด” ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว

นายวิทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่เป็นเหตุผลที่เห็นว่าจำเป็นต้องมีหน่วยงานเข้ามาควบคุมดูแลธุรกิจทองคำ เนื่องจากธุรกรรมดังกล่าวส่งผลต่อค่าเงินบาทโดยตรง ขณะที่ ธปท. ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่และขยายมาตรการทุกด้านเท่าที่สามารถทำได้แล้ว แต่ที่ผ่านมา การกำกับดูแลยังไม่ครอบคลุมถึงธุรกิจทองคำ

ขณะเดียวกัน ธปท. ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในประเด็นการกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซี โดยเห็นว่าจำเป็นต้องสามารถตรวจสอบที่มาของคริปโทเคอร์เรนซีได้ ทั้งนี้ ต้องเห็นใจ ก.ล.ต. ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายว่าด้วย Travel Rule ภายใต้การกำกับของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อกำหนดให้สามารถระบุได้ว่าคริปโทเคอร์เรนซีมีที่มาจากใคร โดยประเด็นที่มีการถกเถียงกันในเรื่องทุนสีเทา มีความเกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว

นายวิทัย กล่าวว่า ธปท.จำเป็นต้องเร่งปรับตัวและกำกับดูแลในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ แต่ไม่สามารถใช้มาตรการที่รุนแรงเกินไป เช่น การจัดเก็บภาษีในลักษณะเดียวกับที่เคยดำเนินการในปี 2553 หรือการห้ามการเคลื่อนย้ายเงินเข้าออก ซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้ในบริบทปัจจุบัน

นอกจากนี้ นายวิทัย ชี้แจงถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าการซื้อขายเหรียญ USDT ในตลาดไทยจำนวนมากส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่า โดยระบุว่า การซื้อขาย USDT เป็นการชำระราคาเป็นเงินบาท ผู้ซื้อชำระเงินเป็นเงินบาทโดยตรง และไม่มีการแปลงเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในกระบวนการดังกล่าว โดย ธปท. รับทราบประเด็นนี้ แต่ยืนยันว่า ธุรกรรมดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

“การซื้อขาย USDT ในตลาด Digital Asset Exchange ที่เพิ่มขึ้นมาก ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เพราะซื้อขายเป็นเงินบาท ไม่ผ่านการแลกเงินดอลลาร์เลย แต่ต้องตามแหล่งที่มาว่าเงินมาจากแหล่งใด และเป็นเงินพึงประสงค์หรือไม่ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว

นายวิทัย กล่าวด้วยว่า หากต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องช่วยกันแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง พร้อมยอมรับการปรับตัวและการเสียสละ โดยระบุว่า นี่จะเป็นยุคที่แบงก์ชาติจะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทำงานเชิงรุก และลงไปอยู่กับปัญหาจริงในระบบเศรษฐกิจ

“ถ้าอยากให้การเติบโตอย่างยั่งต้องช่วยกันแก้ปัญหา อย่าช่วยกันวิเคราะห์ ต้องเสียสละ แบงก์อาจจะเสี่ยงขึ้นบ้าง ลดกำไรลงบ้าง… จะเป็นยุคที่แบงก์ชาติปรับตัวแรง เร็ว และติดดิน อยู่กับปัญหา ทำเฉพาะปัญหาเชิงโครงสร้าง เราไม่ทำปัญหาอื่น  เพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง เหนี่ยวรั้งทางเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยนนโยบายอย่างเดียวทำไม่ได้ สินเชื่อต้องโต จะเกิดการลงทุนใหม่ …” ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวทิ้งท้าย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“วิทัย” ห่วงบาทแข็งเร็ว! ชี้เป้า “ธุรกรรมทอง” ตัวการป่วนตลาด สั่งคุมเข้มทันที

“เอกนิติ” เตือนบาทแข็งเกินไป กระทบโครงสร้างเศรษฐกิจ สั่งคลังเร่งหามาตรการพยุง

Back to top button