
“เอกนิติ” เตือนบาทแข็งเกินไป กระทบโครงสร้างเศรษฐกิจ สั่งคลังเร่งหามาตรการพยุง
รองนายกฯ “เอกนิติ” เตือนค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป กระทบโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออกสูง สั่งหากลไกดูแล ผ่านการบริหารนำเข้าและชำระหนี้ พร้อมทำงานประสาน ธปท. อย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ธ.ค.68) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าในช่วงนี้ว่า เป็นผลจากการที่สหรัฐอเมริกาปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายจากประเทศที่ให้ผลตอบแทนต่ำไปสู่ประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเป็นกลไกตรงข้ามกับธรรมชาติของน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
นายเอกนิติ ระบุว่า ได้หารือประเด็นดังกล่าวกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว โดยเข้าใจว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะนำไปพิจารณา ทั้งนี้ ธปท. มีอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน ขณะที่กระทรวงการคลังทำงานในลักษณะประสานกัน ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และเป็นระดับที่ “รับไม่ได้” โดยกระทรวงการคลังได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการที่สามารถช่วยดูแลได้ในส่วนของภาคการคลัง อาทิ การบริหารการนำเข้าของภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการบริหารการชำระคืนหนี้ โดยมอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) พิจารณาเป็นกลไกเสริม
อย่างไรก็ตาม นายเอกนิติ ยอมรับว่า การดำเนินมาตรการดังกล่าวมีข้อจำกัด เนื่องจากสัดส่วนหนี้ต่างประเทศของไทยไม่ได้อยู่ในระดับสูงมาก แต่ยืนยันว่าจะพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ และทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
นายเอกนิติ กล่าวย้ำว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ยังไม่พร้อมรองรับความผันผวนของค่าเงินในระดับสูง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังพึ่งพาภาคการส่งออกเป็นหลัก ส่งผลให้ค่าเงินบาทที่ผันผวนรุนแรงอาจสร้างผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
“ผมว่าโครงสร้างเศรษฐกิจมันรับไม่ได้ เนื่องจากเราไปเน้น Export …เพราะฉะนั้นการที่ค่าเงินผันผวนขนาดนี้ ผมว่าโครงสร้างเศรษฐกิจเราไม่พร้อมที่จะรองรับ” รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าว

